บทความ: 5 จุดเช็คลิสต์ ตรวจสอบคุณภาพงานแปลก่อนนำไปใช้จริง
ได้รับงานแปลมาแล้ว โดยเฉพาะเอกสารสำคัญที่อาจส่งผลต่ออนาคตการเรียน, การทำงาน, หรือธุรกรรมของคุณ จะรู้ได้อย่างไรว่ามีคุณภาพดีพอ? บทความนี้มีวิธีตรวจสอบเบื้องต้นมาฝาก เพื่อให้คุณมั่นใจก่อนนำไปใช้งานจริง
1. ความถูกต้องของข้อมูลสำคัญ (Critical Data Accuracy)
ชื่อ, วันที่, ตัวเลข, ที่อยู่
นี่คือจุดที่ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด และเป็นสิ่งแรกที่ควรตรวจเช็คเสมอ ลองไล่สายตาเทียบกับเอกสารต้นฉบับทีละจุด: ชื่อ-นามสกุล, วัน/เดือน/ปีเกิด, หมายเลขหนังสือเดินทาง, หมายเลขบัตรประชาชน, ที่อยู่, และตัวเลขทางการเงินทุกตัว ความผิดพลาดเพียงตัวอักษรเดียวหรือตัวเลขเดียวอาจทำให้เอกสารทั้งฉบับถูกปฏิเสธได้ทันที
2. ความสม่ำเสมอของการใช้คำศัพท์ (Consistency)
คำแปลต้องตรงกันทั้งเอกสาร
ในเอกสารที่มีหลายหน้า โดยเฉพาะเอกสารทางกฎหมาย, เทคนิค, หรือการเงิน มักจะมีคำศัพท์เฉพาะที่ถูกใช้ซ้ำๆ งานแปลที่ดีควรใช้คำแปลสำหรับคำศัพท์เฉพาะนั้นๆ ให้เป็นคำเดียวกันตลอดทั้งฉบับ เช่น หากแปลคำว่า "Applicant" เป็น "ผู้ยื่นคำร้อง" แล้ว ในหน้าถัดๆ ไปก็ควรใช้คำว่า "ผู้ยื่นคำร้อง" เหมือนเดิม ไม่ใช่เปลี่ยนไปใช้คำว่า "ผู้สมัคร" หรือ "ผู้ร้องขอ" เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนในการตีความได้
3. ความเป็นธรรมชาติของสำนวนภาษา (Natural Flow)
อ่านแล้วไม่รู้สึกเหมือนแปลตรงตัว
ลองอ่านออกเสียงประโยคยาวๆ ในเอกสารฉบับแปล หากอ่านแล้วรู้สึกติดขัด, สับสน, หรือรู้สึกเหมือนเป็นการแปลคำต่อคำจาก Google Translate นั่นอาจเป็นสัญญาณของงานแปลที่ขาดคุณภาพ งานแปลระดับมืออาชีพไม่เพียงแค่แปลความหมาย แต่ยังต้องเรียบเรียงประโยคใหม่ให้สละสลวย ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และเป็นธรรมชาติสำหรับเจ้าของภาษาผู้อ่าน
4. การจัดรูปแบบ (Formatting)
เลย์เอาต์ต้องใกล้เคียงต้นฉบับ
การจัดรูปแบบเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม งานแปลที่ดีควรมีเลย์เอาต์ที่ใกล้เคียงกับเอกสารต้นฉบับมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นย่อหน้าใหม่, การทำตัวหนา-ตัวเอียง, ตำแหน่งของหัวข้อ, หรือรูปแบบของตาราง การรักษารูปแบบเดิมไว้จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเปรียบเทียบเอกสารทั้งสองฉบับได้ง่ายและทำให้เอกสารดูเป็นมืออาชีพ
5. ไวยากรณ์และตัวสะกด (Grammar & Spelling)
ต้องไม่มีข้อผิดพลาดพื้นฐาน
จุดสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์และการสะกดคำ งานแปลที่น่าเชื่อถือต้องไม่มีข้อผิดพลาดพื้นฐานเหล่านี้ เพราะมันสะท้อนถึงความใส่ใจและความเป็นมืออาชีพของผู้แปล การมีข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของเอกสารทั้งฉบับลดลงในสายตาของเจ้าหน้าที่หรือผู้รับเอกสารได้
สรุป: ทำไมต้องเลือกมืออาชีพ?
การตรวจสอบทั้ง 5 ข้อนี้เป็นเพียงวิธีเบื้องต้น แต่สำหรับเอกสารที่มีความสำคัญสูง การพึ่งพามืออาชีพคือทางเลือกที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด
เพื่อความมั่นใจสูงสุด ควรเลือกใช้บริการจากบริษัทแปลที่มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control - QC) ที่ได้มาตรฐาน เช่นที่ NYC Visa & Translation ซึ่งเรามีกระบวนการตรวจสอบงานแปลทุกชิ้นโดยทีมงานอีกชุดหนึ่งก่อนส่งมอบให้ลูกค้า เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับงานแปลที่ถูกต้อง, แม่นยำ, และพร้อมใช้งานได้ทันที