สรุปวิธีนับคำอย่างรวดเร็ว
สำหรับไฟล์ Word (.docx): เปิดเอกสารของคุณ แล้วดูตัวเลขที่แสดงบนแถบสถานะ (Status Bar) ที่มุมล่างซ้ายของโปรแกรมได้ทันที
สำหรับไฟล์ PDF ที่คัดลอกข้อความได้: กด Ctrl+A (เลือกทั้งหมด) และ Ctrl+C (คัดลอก) จากนั้นนำไปวาง (Ctrl+V) ในโปรแกรม Microsoft Word เพื่อดูจำนวนคำ
สำหรับไฟล์รูปภาพ, JPG, PNG, หรือ PDF ที่สแกนมา: คุณไม่สามารถนับคำเองได้ ให้ส่งไฟล์มาให้เราประเมินราคาเป็นรายหน้าได้เลย เรามีเครื่องมือช่วยประเมินให้ฟรี!
ทำไม "จำนวนคำ" จึงเป็นมาตรฐานโลกในการคิดราคาแปล?
เมื่อคุณต้องการใช้บริการแปลเอกสาร คำถามแรกที่มักจะเกิดขึ้นคือ "ราคาเท่าไหร่?" และคำตอบจากศูนย์แปลมืออาชีพทั่วโลกมักจะเริ่มต้นจากการขอ "นับจำนวนคำ" (Word Count) ในเอกสารต้นฉบับของคุณ ทำไมการนับคำจึงมีความสำคัญ และทำไมจึงเป็นมาตรฐานที่โปร่งใสและยุติธรรมที่สุด?
ในอดีต การคิดราคา "ต่อหน้า" อาจเป็นที่นิยม แต่ก็มีข้อเสียมากมาย เพราะแต่ละหน้าอาจมีปริมาณข้อความไม่เท่ากัน หน้าที่มีเพียงไม่กี่บรรทัดอาจถูกคิดราคาเท่ากับหน้าที่มีข้อความเต็มหน้า ทำให้ผู้ใช้บริการเสียเปรียบ การคิดราคาตามจำนวนคำจึงเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยวัดปริมาณงานที่แท้จริงที่นักแปลต้องทำ ทำให้การประเมินราคามีความแม่นยำและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ที่ NYC+ เรายึดมั่นในความโปร่งใส เราจึงต้องการให้ลูกค้าของเราเข้าใจกระบวนการคิดราคาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง คู่มือฉบับนี้จะแนะนำวิธีนับจำนวนคำในไฟล์เอกสารประเภทต่างๆ ที่คุณพบบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, PDF, หรือแม้แต่ไฟล์รูปภาพ เพื่อให้คุณสามารถประเมินงบประมาณเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง และสื่อสารกับเราได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
วิธีนับจำนวนคำในไฟล์ประเภทต่างๆ
เรียนรู้วิธีตรวจสอบจำนวนคำในเอกสารของคุณด้วยขั้นตอนง่ายๆ
□ วิธีนับคำในไฟล์ Microsoft Word (.docx, .doc)
นี่คือรูปแบบไฟล์ที่นับจำนวนคำได้ง่ายและแม่นยำที่สุด โดยมี 2 วิธีหลักๆ:
- ดูที่แถบสถานะ (Status Bar): วิธีที่รวดเร็วที่สุดคือการมองไปที่มุมล่างซ้ายของหน้าต่างโปรแกรม Microsoft Word คุณจะเห็นจำนวนคำของเอกสารทั้งหมดแสดงอยู่ (เช่น "1,234 words") หากคุณต้องการนับคำเฉพาะบางย่อหน้า เพียงใช้เมาส์ลากคลุมข้อความส่วนนั้น จำนวนคำของส่วนที่เลือกก็จะแสดงขึ้นมาแทน
- ใช้เครื่องมือ Word Count: ไปที่แท็บเมนูด้านบน เลือก 'Review' (ตรวจทาน) จากนั้นคลิกที่ 'Word Count' (นับจำนวนคำ) หน้าต่างใหม่จะปรากฏขึ้นมาพร้อมข้อมูลสถิติโดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหน้า, จำนวนคำ, จำนวนอักขระ (ทั้งแบบไม่นับและนับช่องว่าง), จำนวนย่อหน้า, และจำนวนบรรทัด
ข้อควรรู้: โดยปกติแล้ว Word จะนับรวมข้อความในกล่องข้อความ (Text Box), ส่วนหัวกระดาษ (Header), และท้ายกระดาษ (Footer) โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกต้องสำหรับการประเมินราคา
□ วิธีนับคำในไฟล์ PDF
ไฟล์ PDF มี 2 ประเภทหลักๆ คือแบบที่สร้างจากข้อความโดยตรง (Text-based) และแบบที่เกิดจากการสแกนเอกสาร (Image-based) ซึ่งมีวิธีนับคำต่างกัน
- สำหรับ PDF ที่คัดลอกข้อความได้ (Text-based):
- เปิดไฟล์ PDF แล้วลองใช้เมาส์ลากคลุมข้อความ หากสามารถเลือกข้อความได้ ให้กด Ctrl+A (เลือกทั้งหมด) และตามด้วย Ctrl+C (คัดลอก)
- เปิดโปรแกรม Microsoft Word หรือ Google Docs ขึ้นมา แล้วกด Ctrl+V (วาง) เพื่อวางข้อความทั้งหมดลงไป
- จากนั้นใช้วิธีนับคำใน Word ตามปกติได้เลย
- สำหรับ PDF ที่คัดลอกข้อความไม่ได้ (Image-based): โปรดดูวิธีในหัวข้อ "ไฟล์รูปภาพ/สแกน"
- ใช้เครื่องมือนับคำออนไลน์: มีเว็บไซต์หลายแห่งที่ให้บริการนับคำในไฟล์ PDF โดยตรง แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับเอกสารที่ไม่เป็นความลับเท่านั้น
□️ กรณีที่ไม่สามารถนับคำได้ (ไฟล์รูปภาพ, สแกน)
สำหรับไฟล์ประเภท JPG, PNG, หรือ PDF ที่มาจากการสแกนเอกสาร คุณจะไม่สามารถคัดลอกข้อความเพื่อนำมานับคำได้โดยตรง ในกรณีนี้ ศูนย์แปลจำเป็นต้องใช้วิธีประเมินราคาแบบอื่น
- การประเมินราคาต่อหน้า: เราจะพิจารณาจาก "ความหนาแน่น" ของตัวอักษรบนหน้านั้นๆ และแจ้งเป็นราคาต่อหน้าให้คุณทราบ ซึ่งเป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดในสถานการณ์นี้
- การใช้เทคโนโลยี OCR: ศูนย์แปลมืออาชีพอย่างเราจะใช้ซอฟต์แวร์ OCR (Optical Character Recognition) เพื่อแปลงภาพตัวอักษรให้เป็นข้อความที่สามารถนับคำได้ ซึ่งจะช่วยให้การประเมินราคาแม่นยำยิ่งขึ้น แต่กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาและอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- คำแนะนำที่ดีที่สุด: สำหรับไฟล์ประเภทนี้ วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดคือการส่งไฟล์มาให้เราประเมินราคาโดยตรง ทีมงานของเรายินดีให้บริการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
□️ ไฟล์ประเภทอื่นๆ (Excel, PowerPoint)
การนับคำในไฟล์ประเภทอื่นมีความซับซ้อนที่แตกต่างกันไป
- Microsoft Excel (.xlsx, .xls): การนับคำใน Excel ทำได้ยากและไม่มีฟังก์ชันโดยตรง เนื่องจากข้อความจะกระจายอยู่ในเซลล์ต่างๆ วิธีที่ดีที่สุดคือส่งไฟล์มาให้เราประเมินราคาโดยตรง เรามีเครื่องมือที่สามารถดึงข้อความจากทุกเซลล์มานับได้อย่างแม่นยำ
- Microsoft PowerPoint (.pptx, .ppt): คุณสามารถดูจำนวนคำเบื้องต้นได้โดยไปที่เมนู File > Info (ไฟล์ > ข้อมูล) แล้วดูที่ส่วน Properties (คุณสมบัติ) อย่างไรก็ตาม จำนวนนี้อาจไม่รวมข้อความในรูปภาพหรือวัตถุอื่นๆ การส่งไฟล์ให้เราประเมินจึงเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการนับคำและประเมินราคาแปล
1. ทำไมศูนย์แปลส่วนใหญ่ถึงคิดราคาตาม 'จำนวนคำ'?
การคิดราคาตามจำนวนคำ (per-word rate) เป็นมาตรฐานสากลที่มีความโปร่งใสและยุติธรรมที่สุด เพราะสามารถวัดปริมาณงานได้อย่างแม่นยำ ต่างจากการคิดราคา 'ต่อหน้า' ซึ่งแต่ละหน้าอาจมีปริมาณข้อความไม่เท่ากัน ทำให้การประเมินราคาคลาดเคลื่อนได้
2. การนับคำใน Word รวมข้อความใน Header, Footer, และ Text Box หรือไม่?
โดยปกติแล้ว ฟังก์ชัน Word Count ใน Microsoft Word จะนับรวมข้อความใน Header, Footer, และ Text Box ด้วย ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกต้อง หากคุณต้องการยกเว้นส่วนใดส่วนหนึ่ง ควรแจ้งให้ศูนย์แปลทราบล่วงหน้า
3. การใช้เครื่องมือนับคำออนไลน์ปลอดภัยหรือไม่?
สำหรับเอกสารทั่วไปที่ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลหรือความลับทางธุรกิจ การใช้เครื่องมือนับคำออนไลน์นั้นสะดวกและรวดเร็ว แต่หากเอกสารของคุณมีความละเอียดอ่อน เช่น สัญญา หรือข้อมูลทางการแพทย์ เราไม่แนะนำให้อัปโหลดไปยังเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ การคัดลอกมาวางในโปรแกรม Word บนเครื่องของคุณจะปลอดภัยกว่า
4. OCR (Optical Character Recognition) คืออะไร และช่วยในการนับคำได้อย่างไร?
OCR คือเทคโนโลยีที่ใช้แปลงข้อความจากไฟล์รูปภาพหรือไฟล์สแกนให้อยู่ในรูปแบบตัวอักษรที่สามารถแก้ไขและนับจำนวนคำได้ ศูนย์แปลมืออาชีพมักใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อประเมินจำนวนคำในไฟล์ที่ไม่สามารถคัดลอกข้อความได้ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จาก OCR อาจไม่สมบูรณ์ 100% และต้องผ่านการตรวจสอบโดยมนุษย์อีกครั้ง
5. จะนับจำนวนคำในไฟล์ PowerPoint ได้อย่างไร?
ในโปรแกรม PowerPoint คุณสามารถไปที่ File > Info (ไฟล์ > ข้อมูล) ทางด้านขวาภายใต้ Properties (คุณสมบัติ) จะมีส่วนที่แสดงจำนวนคำ (Words) ซึ่งจะนับรวมทั้งข้อความบนสไลด์และในส่วนบันทึกย่อ (Notes)
6. ถ้าส่งไฟล์รูปภาพไปให้ประเมินราคา จะคิดราคาอย่างไร?
ในกรณีนี้ เราจะประเมินราคาเป็น 'ราคาต่อหน้า' โดยพิจารณาจากความหนาแน่นของข้อความในหน้านั้นๆ และประเภทของเอกสาร ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติมาตรฐานสำหรับเอกสารที่ไม่สามารถนับคำได้อย่างแม่นยำ
7. จำนวนคำในภาษาต้นฉบับกับภาษาปลายทางจะเท่ากันหรือไม่?
ไม่เท่ากันครับ โดยธรรมชาติของแต่ละภาษา จำนวนคำจะเปลี่ยนแปลงไปหลังการแปล เช่น การแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย จำนวนคำมักจะลดลงเล็กน้อย ในขณะที่การแปลจากอังกฤษเป็นเยอรมัน จำนวนคำอาจเพิ่มขึ้น การคิดราคาจึงยึดตาม 'จำนวนคำในเอกสารต้นฉบับ' เป็นหลัก
8. ทำไมต้องส่งไฟล์ให้ศูนย์แปลประเมินราคา ทั้งที่นับคำเองได้?
เพราะศูนย์แปลมืออาชีพมีเครื่องมือ (CAT Tools) ที่สามารถวิเคราะห์ไฟล์ได้อย่างละเอียดกว่า สามารถตรวจจับข้อความที่ซ้ำกัน (Repetitions) ซึ่งอาจทำให้คุณได้รับส่วนลดเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ เรายังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับบริการเสริมที่อาจจำเป็น เช่น DTP หรือการรับรองเอกสารได้อีกด้วย
9. จะนับจำนวนคำในไฟล์ Excel ได้อย่างไร?
การนับคำใน Excel มีความซับซ้อนและไม่มีฟังก์ชันตรงตัว วิธีที่ดีที่สุดคือส่งไฟล์ให้ศูนย์แปลประเมินราคาโดยตรง เพราะเรามีเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อดึงและนับจำนวนคำจากแต่ละเซลล์ได้อย่างแม่นยำ
10. หากส่งไฟล์มาประเมินราคาแล้ว จะต้องใช้บริการเลยหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องใช้บริการทันทีครับ การประเมินราคาของเราไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่มีข้อผูกมัดใดๆ คุณสามารถใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจและวางแผนงบประมาณของคุณได้อย่างเต็มที่
นับคำเรียบร้อย? ส่งข้อมูลมาให้เราเสนอราคาที่แม่นยำได้เลย
วิธีที่ง่ายและแม่นยำที่สุดคือการให้ผู้เชี่ยวชาญของเราดูแล ส่งไฟล์ของคุณมาให้เราประเมินราคาฟรี ทีมงานพร้อมตอบกลับภายใน 15 นาที
พร้อมรับใบเสนอราคาที่โปร่งใสและแม่นยำแล้วหรือยัง?
ให้ NYC+ เป็นพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้สำหรับทุกความต้องการด้านภาษาของคุณ
ติดต่อเราเพื่อรับบริการที่รวดเร็วและเป็นมืออาชีพ