ความแตกต่างที่สำคัญ
เมื่อต้องนำเอกสารจากประเทศไทยไปใช้ในต่างประเทศ หลายท่านมักสับสนระหว่างคำว่า "Notarization" และ "Legalization" แม้จะฟังดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองคือกระบวนการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและดำเนินการโดยคนละหน่วยงาน การเข้าใจความแตกต่างนี้คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้เอกสารของคุณได้รับการยอมรับในระดับสากล When using Thai documents abroad, many people confuse "Notarization" and "Legalization." Although they sound similar, they are entirely different processes handled by different authorities. Understanding this distinction is crucial for ensuring your documents are internationally recognized.
ขั้นตอนที่ 1: Notarization
(การรับรองโดย Notary Public)
คืออะไร: คือการรับรองโดย "เอกชน" ซึ่งได้แก่ทนายความที่ได้รับใบอนุญาตพิเศษ (Notarial Services Attorney) ทำหน้าที่เป็นพยานที่เป็นกลางในการรับรองข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับเอกสารหรือผู้ลงนาม
ใครทำ: ทนายความ Notary Public ที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย
รับรองอะไร: รับรองว่าลายมือชื่อเป็นของจริง, ผู้ลงนามมาแสดงตนจริง, สำเนาตรงกับต้นฉบับ, หรือรับรองลายมือชื่อของผู้แปล
เป้าหมาย: สร้างความน่าเชื่อถือเบื้องต้นให้กับเอกสารในฐานะ "เอกสารของเอกชน"
ขั้นตอนที่ 2: Legalization
(การรับรองนิติกรณ์เอกสาร)
คืออะไร: คือการรับรองโดย "หน่วยงานภาครัฐ" เพื่อยืนยันความถูกต้องของลายมือชื่อและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงนามในเอกสาร หรือในกรณีนี้คือการรับรองลายมือชื่อและตราประทับของทนายความ Notary Public อีกทอดหนึ่ง
ใครทำ: กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (Department of Consular Affairs, Ministry of Foreign Affairs)
รับรองอะไร: รับรองว่าลายมือชื่อและตราประทับของ Notary Public ในเอกสารนั้นเป็นของจริงและถูกต้อง
เป้าหมาย: ยกระดับเอกสารจาก "เอกสารที่รับรองโดยเอกชน" ให้กลายเป็น "เอกสารที่รับรองโดยรัฐ" ซึ่งเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลต่างประเทศ
แผนภาพแสดงลำดับขั้นตอนการรับรองเอกสาร
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน กระบวนการทั้งหมดในการเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในต่างประเทศมักมีลำดับดังนี้
1. เอกสารต้นฉบับ
(Original Document)
2. แปลเอกสาร
(Translate - if needed)
3. รับรอง Notary
(Notarization)
4. รับรองที่กรมการกงสุล
(Legalization)
5. รับรองที่สถานทูต
(Embassy Attestation - if needed)
หมายเหตุ: ขั้นตอนที่ 5 (การรับรองที่สถานทูต) อาจไม่จำเป็นสำหรับทุกประเทศ บางประเทศยอมรับเอกสารที่ผ่านการรับรองจากกรมการกงสุลไทยแล้ว แต่หลายประเทศยังคงต้องการการรับรองจากสถานทูตของตนในประเทศไทยเป็นขั้นตอนสุดท้าย
Apostille คืออะไร? และเกี่ยวข้องกับประเทศไทยหรือไม่?
หลายท่านที่เคยติดต่อกับต่างประเทศอาจเคยได้ยินคำว่า "Apostille" (อะพอสทิล) ซึ่งทำให้เกิดความสับสนเพิ่มเติม Apostille คือรูปแบบการรับรองเอกสารแบบพิเศษภายใต้ "อนุสัญญากรุงเฮก ว่าด้วยการยกเลิกการบังคับให้ต้องมีการรับรองเอกสารสาธารณะของต่างชาติ" (Hague Convention Abolishing the Requirement of Legalisation for Foreign Public Documents)
หลักการของ Apostille: หากประเทศ A และประเทศ B เป็นสมาชิกของอนุสัญญานี้ทั้งคู่ เอกสารที่ออกจากหน่วยงานราชการของประเทศ A และได้รับตราประทับ Apostille แล้ว สามารถนำไปใช้ในประเทศ B ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ Legalization ที่สถานทูตของประเทศ B อีกต่อไป เป็นการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนลงอย่างมาก
สำหรับประเทศไทย: ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญากรุงเฮก ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่มีหน่วยงานที่สามารถออกตราประทับ Apostille ได้ ด้วยเหตุนี้ เอกสารจากประเทศไทยทั้งหมดที่จะนำไปใช้ในต่างประเทศ จึงต้องใช้กระบวนการ "Legalization" แบบดั้งเดิมตามแผนภาพข้างต้น คือต้องผ่านการรับรองจากกรมการกงสุล และมักจะต้องผ่านการรับรองจากสถานทูตของประเทศปลายทางในไทยเป็นขั้นตอนสุดท้ายเสมอ
An Apostille is a simplified form of document certification established by the Hague Convention. If two countries are members, a document with an Apostille from one is immediately valid in the other, bypassing embassy legalization. However, Thailand is NOT a member of the Hague Convention. Therefore, Thai documents cannot be apostilled. They must undergo the traditional "Legalization" process: notarization, followed by certification from the Ministry of Foreign Affairs, and finally, attestation by the destination country's embassy in Thailand.
เราพร้อมดูแลทุกขั้นตอนให้คุณ
เราเข้าใจดีว่ากระบวนการเหล่านี้ซับซ้อนและใช้เวลา NYC Notary Services จึงมีบริการเสริมครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของเรา
เรามีบริการยื่นเรื่องรับรองที่กรมการกงสุลให้คุณหรือไม่?
มีครับ! เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของลูกค้า เรามีบริการเสริมแบบ One-Stop-Service ในการนำเอกสารที่ผ่านการรับรอง Notary Public จากเราแล้ว ไปดำเนินการยื่นขอรับรองนิติกรณ์เอกสารที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศให้จนเสร็จสิ้นกระบวนการ ช่วยให้ท่านประหยัดเวลาและไม่ต้องวุ่นวายกับการเดินทางและขั้นตอนทางราชการ
ระยะเวลาและค่าธรรมเนียมของกรมการกงสุล:
- แบบปกติ: ใช้เวลา 2-3 วันทำการ (ค่าธรรมเนียม 200 บาท/ตราประทับ)
- แบบด่วน: สามารถรับได้ภายในวันเดียว (ค่าธรรมเนียม 400 บาท/ตราประทับ)
*หมายเหตุ: ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นของกรมการกงสุลโดยตรง ไม่รวมค่าบริการของเรา*
ปรึกษาเราเกี่ยวกับกระบวนการรับรองเอกสารทั้งหมด
ไม่ว่าเอกสารของคุณต้องใช้ขั้นตอนใดบ้าง ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำที่ถูกต้องและแม่นยำสำหรับประเทศปลายทางของคุณ ติดต่อเราเพื่อรับการประเมินเบื้องต้นได้ฟรี!
ปรึกษาฟรีทาง LINE