1. ภาพรวมข้อกำหนดด้านเอกสารสำหรับสหรัฐอเมริกา Overview of U.S. Document Requirements
การเตรียมเอกสารเพื่อยื่นต่อหน่วยงานในประเทศสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องมีความถูกต้องและแม่นยำสูงสุด การรับรองเอกสารที่ไม่สมบูรณ์อาจนำไปสู่การปฏิเสธและทำให้กระบวนการล่าช้า
ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของเอกสารเป็นอย่างมาก หน่วยงานต่างๆ เช่น หน่วยงานบริการสัญชาติและตรวจคนเข้าเมือง (USCIS), กรมสรรพากร (IRS), และศาลของรัฐต่างๆ ล้วนมีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่าเอกสารที่มาจากต่างประเทศจะต้องผ่านการรับรองอย่างไรจึงจะเป็นที่ยอมรับ การรับรองโดย Notary Public ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในประเทศไทย คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเอกสารของคุณ
วัตถุประสงค์หลักของการ Notarize เอกสาร คือการยืนยันตัวตนของผู้ลงนาม (Identity Verification) และเพื่อเป็นหลักฐานว่าการลงนามนั้นเกิดขึ้นโดยความสมัครใจ (Voluntary Act) ซึ่งช่วยป้องกันการฉ้อโกงและการปลอมแปลงเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับเอกสารที่ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ จะต้องแนบคำแปลที่รับรองความถูกต้อง (Certified Translation) ควบคู่ไปด้วยเสมอ ซึ่ง NYC+ ให้บริการทั้งสองส่วนอย่างครบวงจร
The United States places immense importance on the authenticity of documents. Agencies like the U.S. Citizenship and Immigration Services (USCIS), the Internal Revenue Service (IRS), and various state courts have stringent requirements for foreign documents. Proper notarization by a licensed Notary Public in Thailand is the crucial first step to ensure your documents are accepted. The primary purposes of notarization are to verify the identity of the signatories and to confirm that they have signed the document willingly, thus preventing fraud. For any document not in English, a certified translation must accompany the original, a service that NYC+ provides comprehensively.
2. การรับรองเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าประเภทต่างๆ Document Notarization for Various Visa Types
วีซ่าแต่ละประเภทมีข้อกำหนดด้านเอกสารที่แตกต่างกัน การเตรียมเอกสารให้พร้อมและรับรองอย่างถูกต้องคือหัวใจสำคัญของการยื่นขอวีซ่าให้ประสบความสำเร็จ
วีซ่าคู่หมั้น (K-1 Fiancé(e) Visa) K-1 Fiancé(e) Visa
วีซ่า K-1 เป็นหนึ่งในประเภทวีซ่าที่ต้องการความละเอียดรอบคอบของเอกสารอย่างสูง เอกสารสำคัญที่มักจะต้องผ่านการแปลและรับรองโดย Notary Public ได้แก่:
- ใบรับรองสถานภาพโสด (Affidavit of Single Status): ต้องทำคำสาบานต่อหน้า Notary Public เพื่อยืนยันว่าตนเองเป็นโสดและสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- เอกสารยืนยันความสัมพันธ์: เช่น ข้อความแชท, อีเมล, หรือคำให้การจากบุคคลที่สาม ซึ่งอาจต้องมีการรับรองลายมือชื่อของผู้ให้การ
- เอกสารส่วนตัว: เช่น สูติบัตร, ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) ซึ่งต้องนำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษและรับรองคำแปลให้ถูกต้อง
The K-1 visa process demands meticulous documentation. Key documents often requiring notarization include the Affidavit of Single Status, where you swear before a notary that you are legally free to marry, and personal documents like birth certificates, which must be translated and certified.
วีซ่านักเรียน (F-1 Student Visa) F-1 Student Visa
สำหรับผู้ที่ต้องการไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา เอกสารที่ต้องให้ความสำคัญคือ:
- เอกสารทางการเงิน (Financial Support Documents): ในกรณีที่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน (Sponsor) จำเป็นต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ (Affidavit of Support) ซึ่งผู้สนับสนุนต้องลงนามต่อหน้า Notary Public
- ใบรับรองผลการศึกษาและใบปริญญา (Transcripts and Diplomas): สำเนาของเอกสารเหล่านี้ควรได้รับการรับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy) โดย Notary Public เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
For prospective students, financial documentation is key. If you have a sponsor, an Affidavit of Support signed before a notary is often required. Additionally, having certified true copies of your academic transcripts and diplomas can strengthen your application.
วีซ่าท่องเที่ยว/ธุรกิจ (B1/B2 Visitor Visa) B1/B2 Visitor Visa
แม้จะมีความเข้มงวดน้อยกว่าวีซ่าประเภทอื่น แต่การมีเอกสารที่รับรองอย่างถูกต้องก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ โดยเฉพาะ:
- หนังสือเชิญจากบริษัทหรือบุคคลในสหรัฐฯ (Invitation Letter): การรับรองลายมือชื่อผู้เชิญ (หากผู้เชิญอยู่ในไทย) หรือการมีจดหมายที่น่าเชื่อถือจะช่วยสนับสนุนคำร้องได้
- หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง (Parental Consent Letter): กรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เดินทางคนเดียวหรือเดินทางกับผู้ปกครองเพียงคนเดียว จะต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครองอีกฝ่ายที่ลงนามต่อหน้า Notary Public
While less stringent, notarized documents can bolster a B1/B2 application. A key document is the Parental Consent Letter for a minor traveling alone or with one parent, which must be signed by the non-traveling parent(s) before a notary.
3. การรับรองเอกสารเพื่อยื่นขอ Green Card หรือปรับสถานะ Notarization for Green Card or Adjustment of Status
กระบวนการขอ Green Card หรือการปรับสถานะในสหรัฐฯ (Adjustment of Status - AOS) เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการเอกสารที่สมบูรณ์แบบ 100%
USCIS มีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่าเอกสารราชการทุกฉบับที่ออกโดยหน่วยงานของไทย (เช่น สูติบัตร, ทะเบียนบ้าน, ใบสำคัญการสมรส, ใบหย่า, ใบเปลี่ยนชื่อ) จะต้องถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษอย่างสมบูรณ์ และผู้แปลต้องให้การรับรองว่าคำแปลนั้นถูกต้องและตนมีความสามารถในการแปลทั้งสองภาษา การนำคำแปลนั้นไปให้ Notary Public รับรองคำประกาศของผู้แปล (Translator's Declaration) อีกชั้นหนึ่ง จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเอกสารอย่างสูงสุดและเป็นไปตามมาตรฐานที่ USCIS คาดหวัง
นอกจากนี้ เอกสารสำคัญอย่าง Form I-864, Affidavit of Support ซึ่งเป็นเอกสารค้ำประกันทางการเงินโดยผู้ยื่นเรื่องฝั่งอเมริกา ก็เป็นเอกสารที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ในปัจจุบัน USCIS จะไม่บังคับให้ Notarize ฟอร์มนี้ แต่การเตรียมเอกสารทางการเงินอื่นๆ ประกอบให้มีความน่าเชื่อถือสูงสุดก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น
The Green Card and Adjustment of Status (AOS) processes are highly detailed. USCIS mandates that all official Thai documents (birth certificates, marriage certificates, etc.) must be fully translated into English. The translator must then certify that the translation is accurate and that they are competent to translate. Having a Notary Public notarize this translator's declaration adds a critical layer of authenticity that meets USCIS standards. While notarization is no longer mandatory for Form I-864 (Affidavit of Support), ensuring all supporting financial documents are clear and credible remains essential.
4. การรับรองเอกสารสำหรับ IRS (เช่น แบบฟอร์ม W-7 สำหรับขอ ITIN) Document Certification for the IRS (e.g., Form W-7 for ITIN)
การขอหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (ITIN) จาก IRS มีข้อกำหนดในการรับรองเอกสารที่เข้มงวดและแตกต่างจากการรับรองทั่วไป
ผู้ที่ไม่สามารถขอหมายเลขประกันสังคม (Social Security Number) แต่มีรายได้ในสหรัฐฯ จำเป็นต้องยื่นขอ Individual Taxpayer Identification Number (ITIN) โดยใช้แบบฟอร์ม W-7 ในการยื่นฟอร์มนี้ ผู้ยื่นจะต้องแนบหลักฐานยืนยันตัวตน ซึ่งโดยทั่วไปคือหนังสือเดินทาง (Passport)
ในอดีต IRS เคยอนุญาตให้ใช้สำเนาหนังสือเดินทางที่รับรองโดย Notary Public ทั่วไป แต่ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนกฎให้เข้มงวดขึ้นอย่างมาก การรับรองสำเนาหนังสือเดินทางเพื่อยื่นขอ ITIN จะต้องทำโดย Certifying Acceptance Agent (CAA) ที่ได้รับการรับรองจาก IRS โดยตรง หรือต้องนำเอกสารไปรับรองที่สถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐฯ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การมีเอกสารอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ Passport) ที่ผ่านการรับรองโดย Notary Public อย่างถูกต้อง ก็ยังสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบเพิ่มเติมได้ NYC+ สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด เพื่อให้การยื่นขอ ITIN ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
Individuals who are not eligible for a Social Security Number but have U.S. income must apply for an Individual Taxpayer Identification Number (ITIN) using Form W-7. This requires submitting proof of identity, typically a passport. The IRS has very strict rules for this; a standard notary certification of a passport copy is no longer sufficient for ITIN applications. The certification must be done by an IRS-authorized Certifying Acceptance Agent (CAA) or at a U.S. Embassy or Consulate. NYC+ can provide up-to-date guidance on the correct procedure to ensure your ITIN application is processed smoothly.
5. การรับรองหนังสือมอบอำนาจ (POA) สำหรับทำธุรกรรมในสหรัฐฯ Notarizing a Power of Attorney (POA) for U.S. Transactions
มอบอำนาจให้บุคคลที่เชื่อใจจัดการธุระสำคัญในอเมริกาแทนคุณได้อย่างถูกกฎหมายและไร้กังวล
หนังสือมอบอำนาจ หรือ Power of Attorney (POA) เป็นเอกสารทางกฎหมายที่สำคัญอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการให้บุคคลอื่น (เรียกว่า "Agent" หรือ "Attorney-in-fact") ทำธุรกรรมต่างๆ แทนคุณในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการเปิด/ปิดบัญชีธนาคาร, การเซ็นสัญญา, การจัดการเรื่องภาษี, หรือการติดต่อหน่วยงานราชการ
เพื่อให้ POA ที่ทำในประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในสหรัฐฯ เอกสารดังกล่าวต้องได้รับการรับรองลายมือชื่อ (Signature Notarization) จาก Notary Public โดยผู้มอบอำนาจ (The Principal) จะต้องมาลงนามในเอกสารต่อหน้าทนายความ Notary Public พร้อมแสดงเอกสารยืนยันตัวตน (หนังสือเดินทาง) ทนายความจะทำหน้าที่เป็นพยานและรับรองว่าคุณคือบุคคลที่มอบอำนาจจริงและได้ลงนามโดยสมัครใจ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สถาบันการเงินและหน่วยงานในสหรัฐฯ ทุกแห่งต้องการเพื่อป้องกันการทุจริต
A Power of Attorney (POA) is a critical legal document allowing a trusted person (the "Agent") to conduct transactions on your behalf in the U.S., such as banking, signing contracts, or managing taxes. For a POA created in Thailand to be valid in the U.S., it MUST be notarized. The person granting the authority (the "Principal") must sign the document in the physical presence of a Notary Public, who verifies their identity and voluntary signature. This notarization step is a mandatory requirement for virtually all U.S. financial and governmental institutions to accept the POA.
6. การรับรองเอกสารซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ Notarization for Real Estate Transactions
จัดการธุรกรรมซื้อ, ขาย, หรือโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ จากประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย
การทำธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา เช่น การลงนามในสัญญาจะซื้อจะขาย (Sales Contract), เอกสารโอนกรรมสิทธิ์ (Deed), หรือเอกสารเกี่ยวกับการจำนอง (Mortgage Documents) ล้วนต้องมีการลงนามต่อหน้า Notary Public เสมอ หากคุณไม่สามารถเดินทางไปลงนามด้วยตนเองที่สหรัฐฯ ได้ คุณสามารถลงนามในเอกสารเหล่านี้ที่ประเทศไทยได้ โดยต้องทำต่อหน้า Notary Public ของไทย
เอกสารที่ผ่านการรับรองลายมือชื่อโดย Notary Public ของเรา จะสามารถส่งกลับไปให้บริษัท Title Company หรือทนายความด้านอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการปิดการขาย (Closing) ต่อไปได้ กระบวนการนี้ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมหาศาล และทำให้การลงทุนหรือจัดการทรัพย์สินในสหรัฐฯ ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
Real estate transactions in the U.S., including signing sales contracts, deeds, or mortgage documents, require signatures to be notarized. If you cannot be physically present in the U.S., you can sign these documents in Thailand before a licensed Thai Notary Public. The notarized documents can then be sent to the title company or real estate attorney in the U.S. to complete the closing process, enabling seamless cross-border property transactions.
7. ขั้นตอนที่ถูกต้อง: จาก Notary ไทยสู่การยอมรับในสหรัฐฯ The Correct Procedure: From Thai Notary to U.S. Acceptance
เพื่อให้เอกสารของคุณมีผลสมบูรณ์ 100% ในสหรัฐฯ การปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนการรับรองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ขั้นตอนที่ 1: การรับรองโดย Notary Public (Notarization)
คือขั้นตอนแรกและพื้นฐานที่สุด ทนายความ Notary Public ของ NYC+ จะทำการรับรองลายมือชื่อ, สำเนา, หรือคำแปลเอกสารของคุณตามหลักสากล
ขั้นตอนที่ 2: การรับรองนิติกรณ์โดยกรมการกงสุล (Legalization at Thai Consular Affairs)
หลังจากเอกสารได้รับการรับรองจาก Notary Public แล้ว ในบางกรณี (โดยเฉพาะเอกสารราชการหรือเอกสารที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง) จะต้องนำเอกสารนั้นไปให้กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย รับรองลายมือชื่อและตราประทับของทนายความ Notary Public อีกทอดหนึ่ง เพื่อยืนยันว่าทนายความผู้นั้นมีใบอนุญาตจริงและมีอำนาจรับรองเอกสาร
ขั้นตอนที่ 3: การรับรองโดยสถานทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงเทพฯ (Authentication at U.S. Embassy Bangkok)
เป็นขั้นตอนสุดท้ายสำหรับเอกสารที่ต้องการการรับรองระดับสูงสุด (มักเป็นเอกสารที่ใช้ในชั้นศาลหรือเอกสารทางกฎหมายที่สำคัญมาก) หลังจากผ่านการรับรองจากกรมการกงสุลไทยแล้ว จะต้องนำเอกสารไปให้แผนกกงสุลของสถานทูตสหรัฐฯ รับรองตราประทับของเจ้าหน้าที่กงสุลไทยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เอกสารนั้นมีสถานะเทียบเท่ากับเอกสารที่ทำขึ้นในสหรัฐฯ
หมายเหตุสำคัญ: ไม่ใช่ทุกเอกสารที่ต้องทำครบทั้ง 3 ขั้นตอน! ความจำเป็นจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของหน่วยงานปลายทางในสหรัฐฯ ทีมงาน NYC+ มีความเชี่ยวชาญในการประเมินและให้คำแนะนำว่าเอกสารของคุณต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
Step 1: Notarization by a Notary Public: The foundational step where our attorneys notarize your document.
Step 2: Legalization at the Thai Ministry of Foreign Affairs: For official documents, the Thai MFA authenticates the notary's signature and seal.
Step 3: Authentication at the U.S. Embassy in Bangkok: The final step for documents requiring the highest level of certification, where the U.S. Embassy authenticates the Thai MFA's seal.
Important Note: Most documents do not require all three steps. We will advise you on the specific requirements for your situation to save you time and money.
8. รูปแบบ Jurat และ Acknowledgment ที่เป็นที่ยอมรับในสหรัฐฯ Understanding Jurat and Acknowledgment Forms in the U.S.
ความแตกต่างเล็กน้อยที่มีผลทางกฎหมายอย่างมหาศาล การเลือกใช้รูปแบบคำรับรองที่ถูกต้องคือสิ่งจำเป็น
ในการรับรองเอกสารสำหรับใช้ในสหรัฐฯ Notary Public จะต้องแนบใบรับรอง (Notarial Certificate) ที่มีข้อความเฉพาะเจาะจง ซึ่งโดยหลักๆ มี 2 รูปแบบคือ Jurat และ Acknowledgment
Acknowledgment (การรับรองการลงนาม)
- สาระสำคัญ: ผู้ลงนามยืนยัน (Acknowledge) ต่อหน้า Notary ว่า "ตนได้ลงนามในเอกสารนั้นจริงโดยสมัครใจ"
- จุดสำคัญ: ผู้ลงนามไม่จำเป็นต้องเซ็นเอกสารต่อหน้า Notary ก็ได้ อาจจะเซ็นมาจากบ้านแล้วนำมายืนยันต่อหน้า Notary ว่านี่คือลายเซ็นของตน
- ตัวอย่างการใช้งาน: สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, หนังสือมอบอำนาจ, เอกสารโอนกรรมสิทธิ์
Jurat (การรับรองคำสาบาน)
- สาระสำคัญ: ผู้ลงนามต้องสาบานตนหรือยืนยัน (Swear or Affirm) ต่อหน้า Notary ว่า "ข้อความที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นเป็นความจริงทุกประการ" และต้องลงนามในเอกสารต่อหน้า Notary
- จุดสำคัญ: เน้นที่การรับรองความสัตย์จริงของ "เนื้อหา" ในเอกสาร และต้องเซ็นต่อหน้า Notary เท่านั้น
- ตัวอย่างการใช้งาน: คำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Affidavit), คำเบิกความ (Deposition)
โดยปกติ เอกสารที่ร่างมาจากสหรัฐฯ มักจะระบุมาชัดเจนว่าต้องการการรับรองในรูปแบบใด หรือมีหน้า Notarial Certificate แนบมาให้เลย ทีมทนายความของเรามีความเข้าใจในความแตกต่างนี้อย่างลึกซึ้ง และสามารถเลือกใช้หรือจัดทำข้อความรับรองที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำ
An Acknowledgment verifies that a signer personally appeared before the notary and confirmed they willingly signed the document. The signing does not have to happen in the notary's presence. A Jurat requires the signer to swear or affirm that the contents of the document are true, and they must sign it in the notary's presence. Our legal team is proficient in identifying and applying the correct notarial certificate for your specific U.S.-bound document.
9. การรับรองคำแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ Certification of English Translations
บริการแปลและรับรองคำแปลที่ได้มาตรฐาน USCIS และหน่วยงานอื่นๆ ในสหรัฐฯ
เอกสารภาษาไทยทุกฉบับที่จะนำไปยื่นต่อหน่วยงานของรัฐบาลกลางหรือรัฐบาลท้องถิ่นในสหรัฐฯ จะต้องมีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษแนบไปด้วยเสมอ คำแปลนั้นจะต้องไม่ใช่แค่การแปลทั่วไป แต่ต้องเป็น "Certified Translation"
A Certified Translation ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ:
- เอกสารต้นฉบับ (ภาษาไทย)
- เอกสารคำแปล (ภาษาอังกฤษ)
- ใบรับรองคำแปล (Certificate of Translation Accuracy) ซึ่งเป็นคำประกาศจากผู้แปลหรือบริษัทแปล ที่ระบุว่าคำแปลนั้นถูกต้องและครบถ้วนสมบูรณ์ และผู้แปลมีความสามารถในการแปลภาษานั้นๆ จริง
NYC+ ให้บริการแปลเอกสารโดยนักแปลมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านเอกสารราชการและเอกสารกฎหมายโดยเฉพาะ พร้อมทั้งออกใบรับรองคำแปลที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล และสามารถนำไปให้ Notary Public ของเรารับรองลายมือชื่อของผู้แปลหรือผู้มีอำนาจของบริษัท เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเอกสารอีกระดับหนึ่ง ทำให้เอกสารของคุณพร้อมยื่นต่อทุกหน่วยงานในสหรัฐฯ ได้อย่างมั่นใจ
Any Thai document submitted to a U.S. government agency must be accompanied by a full English translation. This must be a "Certified Translation," which includes a statement from the translator or translation company attesting to its accuracy and the translator's competency. NYC+ provides professional translations that meet these standards, and we can notarize the translator's certification statement to provide the highest level of assurance for agencies like USCIS.
10. Checklist เอกสารสำหรับยื่นวีซ่าคู่หมั้น (K-1) Document Checklist for K-1 Fiancé(e) Visa
เตรียมเอกสารสำคัญฝั่งคู่หมั้นชาวไทยให้พร้อม เพื่อให้กระบวนการยื่นคำร้องราบรื่น
นี่คือรายการเอกสารเบื้องต้นที่คู่หมั้นชาวไทยควรเตรียมให้พร้อมสำหรับการยื่นขอวีซ่า K-1 (อาจมีเอกสารเพิ่มเติมตามแต่ละกรณี):
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- สูติบัตร (Birth Certificate) ฉบับจริง พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษที่รับรองแล้ว
- ใบสำคัญการหย่าหรือมรณบัตรของคู่สมรสเดิม (ถ้ามี) ฉบับจริง พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษที่รับรองแล้ว
- ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) ฉบับจริง พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษที่รับรองแล้ว
- บันทึกประวัติอาชญากรรม จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- ผลการตรวจร่างกาย จากโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด
- หลักฐานความสัมพันธ์ เช่น รูปถ่าย, บันทึกการสนทนา, ตั๋วเครื่องบินที่เคยเดินทางไปพบกัน
- แบบฟอร์ม DS-160 Confirmation Page
- เอกสารทางการเงิน (Form I-134, Affidavit of Support) จากคู่หมั้นฝั่งอเมริกา
NYC+ สามารถช่วยคุณในการตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร แปลและรับรองเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อให้คุณยื่นเอกสารได้อย่างมั่นใจ
11. ค่าบริการสำหรับเอกสารที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา Service Fees for U.S. Documents
เราเสนอราคาที่โปร่งใสและสมเหตุสมผลสำหรับบริการที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล
ค่าบริการในการรับรองเอกสารจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของเอกสาร, จำนวน, และความซับซ้อนของงาน อย่างไรก็ตาม เรามีโครงสร้างราคาเบื้องต้นดังนี้:
- รับรองลายมือชื่อ (Signature Certification / Acknowledgment / Jurat): เริ่มต้นที่ 1,000 - 2,000 บาท ต่อ 1 ลายมือชื่อ/ตราประทับ
- รับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy): เริ่มต้นที่ 1,000 บาท ต่อ 1 เอกสาร (ไม่เกิน 5 หน้า)
- รับรองคำแปล (Translation Certification): เริ่มต้นที่ 1,500 บาท ต่อ 1 ตราประทับ (ไม่รวมค่าแปล)
- บริการแปลเอกสาร (ราชการ): เริ่มต้นที่ 300 - 500 บาทต่อหน้า
- บริการให้คำปรึกษาและร่างเอกสาร (เช่น Affidavit, POA): ประเมินราคาเป็นรายกรณี
**โปรดทราบ:** ราคานี้เป็นเพียงการประเมินเบื้องต้น สำหรับราคาที่แน่นอน กรุณาส่งเอกสารมาให้เราประเมินและขอใบเสนอราคาได้ฟรี! เรายินดีให้คำปรึกษาเพื่อหาทางออกที่ดีและคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ
Our fees vary based on document type and complexity. Generally, signature notarizations start from 1,000 THB, certified copies from 1,000 THB, and translation certifications from 1,500 THB (translation fee not included). Please contact us with your documents for a precise and free quotation.
12. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรับรองเอกสารสำหรับสหรัฐฯ Frequently Asked Questions (USA-Specific)
ถาม: เอกสารที่รับรองโดย Notary Public ไทย ต้องนำไปให้สถานทูตสหรัฐฯ รับรองอีกหรือไม่?
ตอบ: โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของหน่วยงานปลายทางในสหรัฐฯ ครับ ในหลายกรณี เช่น การยื่นเอกสารต่อ USCIS การรับรองโดย Notary Public ของไทยก็เพียงพอ แต่สำหรับเอกสารสำคัญบางอย่าง เช่น เอกสารที่จะใช้ในกระบวนการศาล หรือเอกสารที่ต้องมีการรับรองอย่างเป็นทางการสูงสุด อาจจำเป็นต้องผ่านกระบวนการ Legalization ที่กรมการกงสุลไทยก่อน แล้วจึงนำไปให้สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ รับรองเป็นลำดับสุดท้าย ทางเราสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องเป็นรายกรณีได้ครับ
ถาม: สหรัฐอเมริกาไม่ได้อยู่ในอนุสัญญากรุงเฮก (Hague Convention) ใช่หรือไม่? แล้วต้องทำ Apostille หรือไม่?
ตอบ: ถูกต้องครับ สหรัฐอเมริกาเป็นสมาชิกอนุสัญญากรุงเฮก แต่ประเทศไทยยังไม่ได้เป็นสมาชิก ดังนั้น กระบวนการ Apostille จึงไม่สามารถใช้กับเอกสารที่ทำในประเทศไทยเพื่อไปใช้ในสหรัฐฯ ได้ และในทางกลับกัน เอกสารจากสหรัฐฯ ที่จะมาใช้ในไทยก็ต้องผ่านกระบวนการ Legalization ที่สถานทูตไทยในสหรัฐฯ ไม่ใช่การทำ Apostille ครับ กระบวนการที่ถูกต้องสำหรับเอกสารไทยคือขั้นตอน Notarization -> Legalization -> U.S. Embassy Authentication ตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น
ถาม: หากฉันอยู่ที่อเมริกา แต่ต้องการทำหนังสือมอบอำนาจให้คนที่ไทยไปจัดการธุระที่ไทย ต้องทำอย่างไร?
ตอบ: ในกรณีนี้ คุณจะต้องทำหนังสือมอบอำนาจและไปลงนามต่อหน้า Notary Public ในรัฐที่คุณอาศัยอยู่ จากนั้นส่งเอกสารนั้นไปรับรองที่ Secretary of State ของรัฐนั้นๆ (ซึ่งจะเป็นการทำ Apostille หรือ Authentication ก็แล้วแต่ข้อกำหนด) แล้วจึงส่งเอกสารฉบับจริงกลับมาให้ผู้รับมอบอำนาจที่ประเทศไทยครับ
13. ลิงก์ที่เป็นประโยชน์ Helpful Links
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นทางการและเป็นปัจจุบันที่สุด คุณสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของหน่วยงานโดยตรง:
14. ปรึกษาเราเรื่องเอกสารสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา Consult Us for Your U.S. Document Needs
ไม่ว่าคุณจะต้องการเอกสารสำหรับวีซ่า, ธุรกรรม, หรือเหตุผลอื่นใด ทีมทนายความผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำแนะนำและบริการคุณอย่างเต็มที่
ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับการประเมินเบื้องต้นฟรี!