รับรองเอกสารอินเดีย: Notary, POA, Legalization สถานทูต

คู่มือ Notary รับรองเอกสารสำหรับประเทศอินเดีย (ฉบับสมบูรณ์)

เชี่ยวชาญ Power of Attorney (POA), เอกสาร OCI Card, และกระบวนการ Legalization ที่ซับซ้อน (MFA -> สถานทูตอินเดีย)

ภาพรวมข้อกำหนดเอกสารสำหรับใช้ในประเทศอินเดีย

อินเดีย, มหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่และพันธมิตรทางธุรกิจ เทคโนโลยี และครอบครัวที่สำคัญของไทย, เป็นหนึ่งในประเทศที่มีกระบวนการด้านเอกสารที่ "ซับซ้อนและเข้มงวด" ที่สุดในโลก ระบบราชการของอินเดียให้ความสำคัญกับความถูกต้องของรายละเอียดในระดับสูงสุด การเตรียมเอกสารที่ผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การปฏิเสธและความล่าช้าอย่างมาก

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนไทยที่ต้องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ในบังคาลอร์, ชาวอินเดียในไทยที่ต้องการทำหนังสือมอบอำนาจ (Power of Attorney) กลับไปจัดการอสังหาริมทรัพย์, หรือผู้มีเชื้อสายอินเดียที่ต้องการสมัคร OCI Card, คุณจะพบว่าทุกขั้นตอนต้องผ่านการรับรองหลายชั้นและมีรายละเอียดเฉพาะตัวที่ห้ามมองข้าม

NYC Plus มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปีในการ "ถอดรหัส" ความซับซ้อนนี้ เราเข้าใจกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ (End-to-End) และพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้คุณ

ข้อกำหนดพิเศษของอินเดีย: "ชื่อบิดา" และ "ที่อยู่ถาวร"

เอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเอกสารอินเดีย คือการให้ความสำคัญกับ "ชื่อบิดา" (Father's Name) และ "ที่อยู่ถาวร" (Permanent Address) ซึ่งแตกต่างจากเอกสารตะวันตก

ทำไมจึงสำคัญ? ในประเทศที่มีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน และมีหลายคนที่ชื่อซ้ำกัน การระบุ "ชื่อบิดา" เป็นวิธีหลักในการยืนยันและแยกแยะตัวตนของบุคคล
ต้องใช้อย่างไร? ในการร่างเอกสารสำคัญ เช่น Power of Attorney (POA) หรือ Affidavit, ผู้ลงนาม (ทั้งผู้มอบและผู้รับมอบอำนาจ) "ต้อง" ระบุชื่อเต็ม, ชื่อบิดา, และที่อยู่ถาวร ให้ครบถ้วน การละเลยรายละเอียดนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เอกสารถูกปฏิเสธ

ขั้นตอนที่ซับซ้อน: Notary -> MFA -> VFS -> สถานทูตอินเดีย

นี่คือกระบวนการ Legalization "เต็มรูปแบบ" ที่คุณต้องเผชิญ (ไม่ใช่ Apostille)

คำชี้แจงสำคัญ: ทำไม Apostille ใช้ไม่ได้กับเอกสารไทย?

คุณอาจได้ยินว่า "อินเดีย" เข้าร่วมอนุสัญญาเฮก (Hague Apostille Convention) ซึ่งเป็นความจริง แต่การที่เอกสารจะใช้ Apostille ได้นั้น ทั้งประเทศ "ต้นทาง" (ผู้ออกเอกสาร) และประเทศ "ปลายทาง" (ผู้รับเอกสาร) ต้องเป็นสมาชิกทั้งคู่

สถานการณ์ปัจจุบัน: ประเทศไทย "ยังไม่ได้" เข้าร่วมอนุสัญญา Apostille ดังนั้น เอกสารที่ออกจากประเทศไทยเพื่อไปใช้อินเดีย จึง "ไม่สามารถ" ใช้ระบบ Apostille ได้ และต้องใช้กระบวนการรับรองนิติกรณ์ (Legalization) เต็มรูปแบบผ่านสถานทูตเท่านั้น

เส้นทาง 5 ขั้นตอนของเอกสารไทยสู่การใช้งานในอินเดีย

นี่คือกระบวนการทั้งหมดที่ NYC Plus ให้บริการแบบครบวงจร (One-Stop Service):

ร่างและแปลเอกสาร

เตรียมเอกสารต้นฉบับ (เช่น POA, สัญญา) และแปลเป็นภาษาอังกฤษ (หากต้นฉบับเป็นไทย)

→

Notary Public

นำเอกสารมาลงนามต่อหน้าทนายความ Notary Public ของ NYC Plus เพื่อรับรองลายมือชื่อ

→

กรมการกงสุลไทย (MFA)

นำเอกสารไปรับรองที่กรมการกงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อยืนยันตราประทับของ Notary

→

ศูนย์ VFS Global

ยื่นเอกสารที่ผ่าน MFA แล้วที่ศูนย์ VFS India (ตัวแทนสถานทูตอินเดีย) เพื่อตรวจสอบและส่งต่อ

→

สถานทูตอินเดีย

สถานทูตอินเดีย (Embassy of India) รับรองตราประทับของกงสุลไทย เป็นขั้นตอนสุดท้าย (Legalization)

เจาะลึกบริการ Notary & Legalization สำหรับอินเดีย

เราเชี่ยวชาญเอกสารทุกประเภทที่ตลาดอินเดียต้องการ โดยเฉพาะเอกสาร 3 กลุ่มหลัก:

1. เอกสารสำหรับธุรกิจ การค้า และการลงทุน

การขยายธุรกิจไปอินเดียต้องการเอกสารทางกฎหมายที่รัดกุมที่สุด เราให้บริการ:
- Power of Attorney (POA) สำหรับธุรกิจ: การมอบอำนาจให้ตัวแทนในอินเดียดำเนินการจดทะเบียนบริษัท, จัดตั้งสาขา, เปิดบัญชีธนาคาร, หรือลงนามในสัญญาเช่าสำนักงาน
- การรับรองเอกสารบริษัท: รับรองหนังสือรับรองบริษัท, รายชื่อผู้ถือหุ้น, และข้อบังคับบริษัท เพื่อยื่นต่อ Registrar of Companies (ROC) ในอินเดีย
- การรับรองสัญญาทางการค้า: รับรอง Agency Agreements, Distribution Agreements, และ Joint Venture Contracts เพื่อให้มีผลผูกพันทางกฎหมาย
- เอกสารการค้าระหว่างประเทศ: รับรองใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice), ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) เพื่อพิธีการศุลกากร

2. Power of Attorney (POA) สำหรับธุรกรรมส่วนตัว

นี่คือบริการที่พบบ่อยที่สุดสำหรับชาวอินเดียในไทย คือการมอบอำนาจให้ญาติที่อินเดียจัดการธุระสำคัญแทน
- POA จัดการอสังหาริมทรัพย์: มอบอำนาจในการ ซื้อ, ขาย, หรือให้เช่า ที่ดิน, บ้าน, คอนโด ในอินเดีย
- POA ธุรกรรมการเงิน: มอบอำนาจในการจัดการบัญชีธนาคาร, การปิดบัญชี, การจัดการกองทุน หรือการกู้ยืม
- POA คดีความ: มอบอำนาจให้ทนายความหรือตัวแทนดำเนินการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีในศาลอินเดีย
ข้อควรระวังพิเศษสำหรับ POA อินเดีย

POA ที่จะใช้ในอินเดียมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก ต้องระบุ "ชื่อบิดา" และ "ที่อยู่ถาวร" ของทั้งผู้มอบและผู้รับมอบอำนาจ และมักจะต้อง "ติดรูปถ่าย" ขนาด 2x2 นิ้ว (หรือ 3.5x3.5 ซม.) ของผู้มอบอำนาจลงบนเอกสาร แล้วให้ Notary ประทับตรารับรองคร่อมรูปถ่ายด้วย การขาดหายไปขององค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้เอกสารถูกปฏิเสธทันที

3. เอกสารสำหรับวีซ่า, OCI Card, และครอบครัว

เราอำนวยความสะดวกในการเตรียมเอกสารส่วนบุคคลที่ซับซ้อน
- เอกสารสมัคร OCI Card: สำหรับผู้มีเชื้อสายอินเดียที่ถือสัญชาติไทย เราบริการแปลและรับรองเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์ (เช่น สูติบัตรไทย, ทะเบียนสมรสบิดามารดา) เพื่อยื่นประกอบคำขอ OCI
- วีซ่าทำงาน (Employment Visa): รับรองสัญญาจ้างงาน, ปริญญาบัตร, และใบรับรองประสบการณ์การทำงาน เพื่อยื่นขอวีซ่าทำงานในอินเดีย
- เอกสารสมรสและครอบครัว: รับรองใบรับรองโสด (Affidavit of Single Status) เพื่อจดทะเบียนสมรส หรือรับรองทะเบียนสมรสไทย (Marriage Certificate) เพื่อยื่นขอ Spouse Visa หรืออัปเดตสถานะในอินเดีย
- เอกสารการศึกษา: สำหรับนักเรียนอินเดียที่จบการศึกษาในไทย (เช่น แพทย์ศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์) เราบริการรับรองปริญญาบัตรและ Transcript (Notary -> MFA -> Embassy) เพื่อนำกลับไปยื่นเทียบวุฒิที่อินเดีย

Checklist สำหรับการเตรียมเอกสารเพื่อลงทุน/ทำ POA ในอินเดีย

ตรวจสอบ 7 ข้อนี้ ก่อนเริ่มกระบวนการ

Checklist: 7 สิ่งที่ต้องมี

1. ร่างเอกสารที่ถูกต้อง (POA Draft): ขอร่าง POA จากปลายทาง (ทนายความ/ธนาคารในอินเดีย) เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาครบถ้วน
2. ข้อมูลชื่อบิดา (Father's Name): ตรวจสอบว่าใน POA มีการระบุชื่อบิดาของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจ
3. ที่อยู่ถาวร (Permanent Address): ต้องระบุที่อยู่ถาวรในอินเดีย (ถ้ามี) และที่อยู่ปัจจุบันในไทยให้ชัดเจน
4. รูปถ่าย (Photograph): เตรียมรูปถ่ายสีพื้นหลังขาว ขนาด 2x2 นิ้ว หรือ 3.5x3.5 ซม. (ตามข้อกำหนด VFS) เพื่อติดบน POA
5. พาสปอร์ต/บัตรประชาชนตัวจริง: ผู้มอบอำนาจ "ต้อง" นำเอกสารตัวจริงที่ยังไม่หมดอายุมาในวันนัดหมาย Notary
6. สำเนาพาสปอร์ตผู้รับมอบอำนาจ: ต้องมีสำเนาพาสปอร์ตหรือเอกสารทางการ (เช่น Aadhaar Card) ของผู้รับมอบอำนาจที่อินเดีย เพื่อใช้ตรวจสอบการสะกดชื่อและชื่อบิดา
7. เวลา: กระบวนการนี้ใช้เวลาอย่างน้อย 7-10 วันทำการ (Notary 1 วัน, MFA 2-3 วัน, VFS/Embassy 3-5+ วัน) ควรวางแผนล่วงหน้า

ค่าบริการสำหรับเอกสารที่ใช้ในอินเดีย

ค่าบริการของเราโปร่งใสและชัดเจน สำหรับเอกสารที่ซับซ้อน เช่น POA หรือเอกสาร OCI

ค่าบริการรับรองเอกสาร Notary Public:
เริ่มต้น 1,500 บาท (รวมร่างและรับรอง POA หรือ Affidavit พื้นฐาน)

ค่าบริการแปลเอกสาร (ไทย-อังกฤษ):
เริ่มต้น 500 บาท ต่อหน้า

(ราคานี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมของกรมการกงสุล, VFS, และสถานทูตอินเดีย ซึ่งเราสามารถดำเนินการให้แบบครบวงจร)

ประเมินค่าบริการ (LINE)

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับเอกสารอินเดีย

เอกสารไทยใช้ในอินเดีย ต้องทำ 'Apostille' หรือ 'Legalization'?

ต้องทำ 'Legalization' ครับ แม้ว่าประเทศอินเดียจะเข้าร่วมอนุสัญญา Apostille แล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่ได้เข้าร่วม ดังนั้น ข้อตกลง Apostille จึง 'ใช้ไม่ได้' กับเอกสารที่ออกจากไทยเพื่อไปใช้อินเดีย กระบวนการที่ถูกต้องคือ Legalization 3 ขั้นตอน (ไม่นับ Notary): 1. รับรองที่ กรมการกงสุลไทย (MFA) 2. ยื่นผ่าน VFS 3. รับรองที่ สถานทูตอินเดีย

Power of Attorney (POA) ที่จะใช้ในอินเดีย ต้องมีข้อมูลอะไรบ้าง?

POA สำหรับอินเดียมีความเข้มงวดมาก นอกจากจะต้องระบุอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจนแล้ว (เช่น ขายที่ดินโฉนดเลขที่..., จัดการบัญชีธนาคารเลขที่...) เอกสาร "ต้อง" ระบุรายละเอียดของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจให้ครบถ้วนตามแบบอินเดีย คือ: 1. ชื่อ-สกุลเต็ม 2. 'ชื่อบิดา' (Father's Name) 3. 'ที่อยู่ถาวร' (Permanent Address) 4. รูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว และ 5. รอยนิ้วโป้ง (Thumb Impression) ในบางกรณี การขาดรายละเอียดเหล่านี้จะทำให้เอกสารถูกปฏิเสธทันที

OCI Card คืออะไร และต้องรับรองเอกสารอะไรบ้าง?

OCI (Overseas Citizen of India) Card คือสิทธิคล้าย 'สองสัญชาติ' สำหรับผู้มีเชื้อสายอินเดีย (เช่น บิดา/มารดา/ปู่ย่าตายาย เคยถือสัญชาติอินเดีย) ที่ปัจจุบันถือสัญชาติอื่น (เช่น สัญชาติไทย) ผู้สมัคร OCI Card ในไทย ต้องยื่นเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์ เช่น สูติบัตร, ทะเบียนสมรสของบิดามารดา ซึ่งเอกสารไทยเหล่านี้ต้องแปลเป็นอังกฤษ, รับรอง Notary, รับรองโดยกรมการกงสุลไทย (MFA), และรับรองโดยสถานทูตอินเดีย (Legalization) ก่อนจึงจะใช้ยื่นได้

ทำไมต้องยื่นเอกสารผ่าน VFS India?

VFS (VFS Global) คือศูนย์รับคำร้องภายนอก (Outsourcing Partner) อย่างเป็นทางการของสถานทูตอินเดียในประเทศไทย สถานทูตอินเดียไม่ได้เปิดรับการยื่นเอกสาร Legalization ที่หน้าสถานทูตโดยตรง แต่ได้มอบหมายให้ VFS เป็นผู้รับเอกสาร, ตรวจสอบความครบถ้วนเบื้องต้น, และเก็บค่าธรรมเนียมแทน ดังนั้น ทุกท่านต้องยื่นเอกสารที่ศูนย์ VFS ครับ ซึ่ง NYC Plus มีบริการยื่นแทนทั้งหมดให้ท่านได้

ลิงก์ที่เป็นประโยชน์ (สถานทูตอินเดีย, VFS)

นี่คือลิงก์สำคัญสำหรับอ้างอิงข้อมูลล่าสุด:

สถานทูตอินเดียในประเทศไทย: (Embassy of India, Bangkok) https://www.indianembassy.in.th/
VFS Global (India Services in Thailand): - ศูนย์ยื่นคำร้องวีซ่าและนิติกรณ์ https://www.vfsglobal.com/india/thailand/
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (ไทย): - สำหรับยื่นรับรองเอกสารขั้นตอน MFA https://consular.mfa.go.th/

ปรึกษาเราเพื่อความราบรื่นในการจัดการเอกสารกับอินเดีย

อย่าให้ความซับซ้อนของเอกสารอินเดีย, POA, หรือ OCI Card มาขัดขวางโอกาสของคุณ ทีมงาน NYC Plus พร้อมให้คำปรึกษาและดำเนินการ "ครบวงจร" ทุกขั้นตอน

□ LINE: @NYCLI (ประเมิน POA ฟรี) □ โทรสายด่วน: 081-562-0444

ทีมทนายความ Notary Public และผู้ประสานงานของเรา

ทีมงานมากประสบการณ์ พร้อมดูแลเอกสารของคุณในทุกขั้นตอน