หัวใจของวีซ่า UK: ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของเอกสาร
UK Visas and Immigration (UKVI) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ Home Office ของสหราชอาณาจักร มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเข้มงวดมากเกี่ยวกับเอกสารประกอบการยื่นขอวีซ่า โดยระบุไว้ว่า:
"เอกสารใดๆ ที่ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษหรือเวลส์ จะต้องแนบมาพร้อมกับ **คำแปลที่ได้รับการรับรอง (a certified translation)**"
คำว่า "Certified Translation" ในบริบทของวีซ่า UK ไม่ได้หมายถึงการรับรองจากหน่วยงานราชการ แต่หมายถึงการแปลโดยนักแปลมืออาชีพหรือบริษัทแปลที่สามารถยืนยันความถูกต้องของคำแปลได้ การเลือกใช้บริการแปลจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง NYC+ จึงเป็นการการันตีว่าเอกสารของคุณจะได้รับการยอมรับและสร้างความประทับใจแรกที่ดีที่สุดให้กับเจ้าหน้าที่
รายการเอกสารที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษสำหรับวีซ่า UK
เพื่อให้โปรไฟล์ของคุณสมบูรณ์และโปร่งใสที่สุด เราแนะนำให้แปลเอกสารสำคัญทุกฉบับที่ยื่นประกอบคำร้องขอวีซ่า
หมวดที่ 1: เอกสารส่วนตัว (Personal Documents)
เอกสารยืนยันตัวตน
เป้าหมาย: เพื่อยืนยันตัวตน สัญชาติ และสถานะทางครอบครัวของคุณให้ตรงกับข้อมูลในแบบฟอร์ม
- บัตรประจำตัวประชาชน: เอกสารพื้นฐานที่สุดในการยืนยันตัวตน
- ทะเบียนบ้าน: เพื่อแสดงที่อยู่และสมาชิกในครัวเรือน สร้างความผูกพันกับประเทศไทย
- ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี): สำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ชื่อในเอกสารทุกฉบับตรงกัน
- ทะเบียนสมรส/ทะเบียนหย่า/ใบมรณบัตรคู่สมรส: เพื่อแสดงสถานภาพการสมรสที่ชัดเจน
- สูติบัตร (สำหรับผู้สมัครที่อายุน้อย หรือเพื่อแสดงความสัมพันธ์กับผู้ปกครอง/บุตร): ยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือด
หมวดที่ 2: เอกสารการเงิน (Financial Evidence)
เอกสารแสดงสถานะทางการเงิน
เป้าหมาย: เพื่อพิสูจน์ว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง และจะไม่เป็นภาระทางการเงินต่อสหราชอาณาจักร
- Bank Statement: ย้อนหลัง 6 เดือน เป็นเอกสารหลักที่ UKVI ใช้พิจารณา ควรแสดงเงินเดือนที่เข้าอย่างสม่ำเสมอ
- สลิปเงินเดือน (Payslips): ย้อนหลัง 6 เดือน ควรแปลเพื่อยืนยันที่มาของรายได้ให้สอดคล้องกับ Bank Statement
- หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank Guarantee): ใช้เสริมความน่าเชื่อถือ แสดงยอดเงินคงเหลือล่าสุด
หมวดที่ 3: เอกสารการจ้างงาน (Employment Evidence)
เอกสารรับรองการทำงาน/ธุรกิจ
เป้าหมาย: เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีภาระหน้าที่การงานหรือธุรกิจที่ต้องกลับมาดูแลในประเทศไทย
- หนังสือรับรองการทำงาน: ต้องระบุตำแหน่ง, เงินเดือน, วันเริ่มงาน และได้รับการอนุมัติให้ลาตามช่วงเวลาที่เดินทาง
- หนังสือรับรองบริษัท/ทะเบียนการค้า: สำหรับเจ้าของกิจการ เพื่อยืนยันการมีอยู่และสถานะของธุรกิจ
หมวดที่ 4: เอกสารสนับสนุนอื่นๆ (Supporting Documents)
แผนการเดินทางและที่พัก
เป้าหมาย: เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีแผนการเดินทางที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล
- แผนการเดินทาง (Itinerary): อธิบายแผนการท่องเที่ยวในแต่ละวันอย่างคร่าวๆ การมีแผนที่ชัดเจนช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- ใบจองโรงแรม/ที่พัก: เพื่อยืนยันว่าคุณมีที่พักตลอดการเดินทาง
- จดหมายเชิญ (Invitation Letter): หากมีเพื่อนหรือญาติเป็นผู้เชิญ ควรแปลเอกสารแสดงความสัมพันธ์ประกอบด้วย
"Certified Translation" สำหรับวีซ่า UK คืออะไร?
ตามข้อกำหนดของ Home Office คำแปลที่ได้รับการรับรองต้องประกอบด้วย:
คำแปลที่ถูกต้องจะต้องมีคำยืนยันจากนักแปลหรือบริษัทแปลว่า "เป็นคำแปลที่ถูกต้องและแม่นยำจากเอกสารต้นฉบับ" พร้อมระบุวันที่, ชื่อเต็ม, ลายเซ็น และข้อมูลติดต่อของผู้แปลหรือบริษัท
NYC+ ให้บริการคำแปลที่ถูกต้องตามข้อกำหนดนี้ 100%
เหตุผลที่ต้องเลือก NYC+ แปลเอกสารวีซ่า UK
เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์ UKVI
ทีมงานของเราอัปเดตข้อมูลและกฎเกณฑ์ของ Home Office อยู่เสมอ จึงมั่นใจได้ว่าคำแปลของคุณถูกต้องตามมาตรฐานล่าสุด
รับรองคำแปลถูกต้อง
เอกสารแปลทุกฉบับจะมีการประทับตรารับรองและคำประกาศรับรอง (Translator's Declaration) ตามข้อกำหนดของ UKVI ทุกประการ
ส่งงานรวดเร็ว ตรงเวลา
เข้าใจทุกความต้องการเร่งด่วน พร้อมส่งมอบงานแปลคุณภาพสูงได้ทันกำหนดการยื่นวีซ่าของคุณ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) - วีซ่าท่องเที่ยว UK
1. เอกสารที่แปลต้องมีตราประทับรับรองจากกงสุล (Legalization) หรือไม่?
สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว UK (Standard Visitor Visa) โดยทั่วไปแล้ว **ไม่จำเป็น** ค่ะ การรับรองคำแปลโดยบริษัทแปลที่น่าเชื่อถือ (Certified Translation) ซึ่งระบุข้อมูลผู้แปลครบถ้วนตามที่ Home Office กำหนดนั้นเพียงพอแล้ว
2. Bank Statement ควรมีเงินในบัญชีเท่าไหร่?
UKVI ไม่ได้กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำที่ตายตัว แต่คุณต้องแสดงให้เห็นว่ามีเงินทุนเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดการเดินทาง (ค่าตั๋วเครื่องบิน, ค่าที่พัก, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว) โดยไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินของคุณเมื่อกลับมาประเทศไทย และที่สำคัญคือต้องแสดงที่มาของเงินได้อย่างสมเหตุสมผล
3. ถ้ามีเงินก้อนใหญ่โอนเข้าบัญชีก่อนยื่นวีซ่า (Funds Parking) จะเป็นอะไรไหม?
เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งค่ะ เจ้าหน้าที่ UKVI มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบและมักจะมองว่าเป็นการสร้างหลักฐานทางการเงินที่ไม่น่าเชื่อถือ หากจำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่โอนเข้า ควรเตรียมเอกสารแปลเพื่อชี้แจงที่มาของเงินก้อนนั้น เช่น สัญญาซื้อขายทรัพย์สิน, เอกสารการได้รับมรดก เป็นต้น
4. จำเป็นต้องแปลสลิปเงินเดือน (Payslips) ด้วยหรือไม่ ในเมื่อมีหนังสือรับรองการทำงานแล้ว?
แนะนำให้แปลเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะสลิปเงินเดือนทำหน้าที่เป็น "หลักฐานสนับสนุน" ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหนังสือรับรองการทำงาน (ที่ระบุเงินเดือน) และ Bank Statement (ที่แสดงเงินเดือนเข้าบัญชี) การมีเอกสารทั้ง 3 ชิ้นที่สอดคล้องกันจะสร้างโปรไฟล์ทางการเงินที่แข็งแกร่งและโปร่งใสมาก
5. แผนการเดินทาง (Itinerary) ควรละเอียดแค่ไหน?
ไม่จำเป็นต้องละเอียดถึงขั้นระบุเป็นรายชั่วโมง แต่ควรแสดงให้เห็นว่าคุณมีแผนที่ชัดเจน เช่น วันที่ 1 เดินทางถึงลอนดอน เข้าที่พัก เที่ยวชม Buckingham Palace, วันที่ 2 เดินทางไปเมือง Bath, วันที่ 3... เป็นต้น การมีแผนการเดินทางที่สมเหตุสมผลแสดงว่าคุณตั้งใจไปท่องเที่ยวจริงๆ
6. ถ้าเดินทางกับครอบครัว ต้องยื่นเอกสารแปลของทุกคนหรือไม่?
ใช่ค่ะ ผู้สมัครแต่ละคนต้องยื่นชุดเอกสารของตนเอง แต่สามารถใช้เอกสารบางอย่างร่วมกันได้ เช่น หากมีผู้สนับสนุนทางการเงินหลัก (Sponsor) คนเดียว ก็ให้แนบเอกสารทางการเงินของ Sponsor พร้อมกับเอกสารแปลที่แสดงความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัว (เช่น ทะเบียนบ้าน, สูติบัตร, ทะเบียนสมรส)
7. หากว่างงานหรือเป็นนักศึกษา จะต้องใช้เอกสารอะไร?
หากว่างงาน ต้องมีผู้สนับสนุน (Sponsor) พร้อมเอกสารการเงินและการงานของ Sponsor รวมถึงจดหมายอธิบายความสัมพันธ์และการสนับสนุน หากเป็นนักศึกษา ให้แปลหนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษาจากสถาบันการศึกษา และแนบเอกสารของผู้ปกครองที่เป็น Sponsor ค่ะ
8. ใช้บริการแปลกับ NYC+ จะได้รับเอกสารในรูปแบบใด?
คุณจะได้รับไฟล์เอกสารแปลในรูปแบบ PDF ที่มีการลงนามและประทับตรารับรองคำแปลถูกต้องตามมาตรฐาน UKVI ส่งให้ทางอีเมลหรือไลน์ และหากต้องการ เรามีบริการจัดส่งเอกสารฉบับพิมพ์ไปให้ถึงบ้านด้วยค่ะ
9. เอกสารที่ใช้ยื่นวีซ่า UK ต้องเป็นฉบับจริงหรือสำเนา?
ในขั้นตอนการยื่นคำร้องออนไลน์และส่งเอกสารผ่าน VFS Global คุณจะใช้ "สำเนาสี" ของเอกสารทั้งหมด (ทั้งฉบับจริงและฉบับแปล) ในการอัปโหลดเข้าระบบ ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารตัวจริงไปที่สถานทูตค่ะ
10. ควรเริ่มแปลเอกสารเมื่อไหร่?
คุณสามารถเริ่มแปลเอกสารได้ทันทีที่ตัดสินใจจะเดินทางและมีเอกสารสำคัญครบถ้วน โดยเฉพาะเอกสารส่วนตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง แนะนำให้เตรียมการล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือนก่อนวันเดินทางที่วางแผนไว้ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอสำหรับทุกขั้นตอน