การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN) เปิดโอกาสมหาศาลให้กับผู้ประกอบการไทย แต่ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตลาดหรือผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเข้าใจในโครงสร้างทางกฎหมายของคู่ค้าของคุณด้วย การทำความเข้าใจว่าคู่ค้าของคุณจดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคลใด (Legal Entity) ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการบริหารความเสี่ยง, การร่างสัญญา, และการตรวจสอบสถานะของกิจการ (Due Diligence)
ปรับปรุงล่าสุด: 23 ตุลาคม 2025
รู้จักคู่ค้าในอาเซียน: ประเภทนิติบุคคลที่คุณควรรู้
ในยุคที่การค้าไร้พรมแดน การรู้จักเพียงคำว่า "บริษัทจำกัด" อาจไม่เพียงพออีกต่อไป คู่ค้าของคุณในสิงคโปร์อาจเป็น Pte. Ltd., ในมาเลเซียคือ Sdn. Bhd., หรือในอินโดนีเซียคือ PT คำย่อเหล่านี้มีความหมายทางกฎหมายที่เฉพาะเจาะจง, มีข้อจำกัดความรับผิดชอบ, และมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แตกต่างกัน การทำสัญญากับนิติบุคคลผิดประเภท หรือแย่กว่านั้นคือทำกับ "ชื่อการค้า" (Trade Name) แทนที่จะเป็น "ชื่อนิติบุคคล" (Legal Name) อาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรง ทำให้สัญญาไม่สามารถบังคับใช้ได้ และเกิดปัญหาในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
พจนานุกรมฉบับนี้จัดทำขึ้นโดย NYC Translation and Notary Service เพื่อเป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักธุรกิจไทย ให้คุณเข้าใจความหมายและลักษณะสำคัญของนิติบุคคลใน 5 ประเทศเศรษฐกิจหลักของอาเซียน พร้อมแนะนำวิธีการตรวจสอบข้อมูลบริษัทเหล่านั้นอย่างถูกต้อง เพื่อให้ทุกก้าวของการลงทุนและการทำธุรกิจระหว่างประเทศของคุณเป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัย
พจนานุกรมประเภทนิติบุคคล: เจาะลึก 5 ประเทศเศรษฐกิจหลักในอาเซียน
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราจะมาเจาะลึกรูปแบบนิติบุคคลที่พบบ่อยที่สุดใน 5 ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียน
1. สิงคโปร์: Private Limited (Pte. Ltd.)
Pte. Ltd. (Private Limited Company) คือรูปแบบนิติบุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสิงคโปร์ เทียบเท่าได้กับ "บริษัทจำกัด (Private Company)" ในประเทศไทย เป็นที่นิยมอย่างสูงสำหรับทั้งธุรกิจในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากโครงสร้างที่ยืดหยุ่นและสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ลักษณะสำคัญของ Pte. Ltd.:
- สถานะทางกฎหมาย: เป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก (Separate Legal Entity) จากผู้ถือหุ้นและกรรมการโดยสิ้นเชิง บริษัทสามารถทำสัญญา, ถือครองทรัพย์สิน, และถูกฟ้องร้องได้ในนามของบริษัทเอง
- ความรับผิดจำกัด (Limited Liability): ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบจำกัดเพียงมูลค่าหุ้นที่ตนยังชำระไม่ครบ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินของบริษัทเป็นการส่วนตัว
- ผู้ถือหุ้น (Shareholders): มีผู้ถือหุ้นได้ตั้งแต่ 1 ถึง 50 คน (หากเกิน 50 จะต้องเปลี่ยนเป็น Public Company)
- กรรมการ (Directors): ต้องมีกรรมการอย่างน้อย 1 คนที่เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในสิงคโปร์ (เช่น พลเมืองสิงคโปร์, ผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวร (PR), หรือผู้ถือ Employment Pass)
- ชื่อบริษัท: ต้องลงท้ายด้วย "Pte. Ltd." หรือ "Private Limited"
- หน่วยงานกำกับดูแล: ACRA (Accounting and Corporate Regulatory Authority) หรือสำนักงานกำกับดูแลการบัญชีและบริษัทของสิงคโปร์
LSI Keyword Focus: การจดทะเบียนบริษัทในสิงคโปร์ (Singapore Company Registration) มักจะหมายถึงการตั้ง Pte. Ltd. นี่คือรูปแบบมาตรฐานสากลที่ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกเนื่องจากความน่าเชื่อถือและระบบกฎหมายที่โปร่งใส
2. มาเลเซีย: Sendirian Berhad (Sdn. Bhd.)
Sdn. Bhd. (Sendirian Berhad) คือรูปแบบบริษัทจำกัด (Private Limited Company) ของประเทศมาเลเซีย เป็นตัวเลือกที่พบบ่อยที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจัดตั้งธุรกิจในมาเลเซีย มีลักษณะคล้ายคลึงกับ Pte. Ltd. ของสิงคโปร์
ลักษณะสำคัญของ Sdn. Bhd.:
- สถานะทางกฎหมาย: เป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก มีความรับผิดจำกัด
- ผู้ถือหุ้น (Shareholders): มีผู้ถือหุ้นได้ตั้งแต่ 1 ถึง 50 คน
- กรรมการ (Directors): ต้องมีกรรมการอย่างน้อย 1 คน (สำหรับบริษัทในประเทศ) หรือ 2 คน (สำหรับบริษัทที่มีต่างชาติถือหุ้น) ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในมาเลเซีย
- ชื่อบริษัท: ต้องลงท้ายด้วย "Sdn. Bhd."
- หน่วยงานกำกับดูแล: SSM (Suruhanjaya Syarikat Malaysia) หรือคณะกรรมการบริษัทแห่งมาเลเซีย
ข้อแตกต่างสำคัญ: Sdn. Bhd. กับ Berhad (Bhd.)
คุณอาจเคยเห็นบริษัทที่ลงท้ายด้วย "Bhd." (Berhad) นี่คือ "บริษัทมหาชนจำกัด" (Public Limited Company) ซึ่งสามารถเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนได้และสามารถมีผู้ถือหุ้นได้ไม่จำกัดจำนวน (คล้ายกับ "มหาชน" หรือ "PLC" ในไทย) ในขณะที่ "Sdn. Bhd." เป็นบริษัทเอกชนที่ห้ามเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชน
3. อินโดนีเซีย: Perseroan Terbatas (PT / PT PMA)
PT (Perseroan Terbatas) คือรูปแบบบริษัทจำกัดของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโครงสร้างทางกฎหมายหลักสำหรับธุรกิจในประเทศ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ รูปแบบที่สำคัญที่สุดคือ "PT PMA"
ประเภทของ PT ที่สำคัญ:
- PT PMDN (Penanaman Modal Dalam Negeri): คือบริษัท PT ที่ใช้เงินทุนในประเทศ 100%
- PT PMA (Penanaman Modal Asing): นี่คือรูปแบบที่นักลงทุนต่างชาติต้องจดทะเบียน เป็นบริษัทจำกัดที่อนุญาตให้มีการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติหรือนิติบุคคลต่างชาติได้
- PT Terbuka (Tbk): คือบริษัทมหาชน (Public Company) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ลักษณะสำคัญของ PT PMA (สำหรับนักลงทุนต่างชาติ):
- การลงทุนจากต่างประเทศ: อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ BKPM (Badan Koordinasi Penanaman Modal) หรือคณะกรรมการประสานงานการลงทุนแห่งอินโดนีเซีย
- ข้อจำกัด: มีข้อกำหนดเรื่องเงินลงทุนขั้นต่ำ (ซึ่งค่อนข้างสูง) และมี "รายการอุตสาหกรรมเชิงลบ" (Negative Investment List หรือ DNI) ที่จำกัดสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบางธุรกิจ
- หน่วยงานกำกับดูแล: จดทะเบียนผ่านระบบ OSS (Online Single Submission) และอยู่ภายใต้กระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชน (Kementerian Hukum dan HAM)
การทำธุรกิจในอินโดนีเซียมีความซับซ้อนด้านกฎระเบียบสูง การทำความเข้าใจว่าคู่ค้าของคุณเป็น PT ประเภทใด (PMDN หรือ PMA) จะช่วยให้คุณประเมินโครงสร้างความเป็นเจ้าของและความน่าเชื่อถือได้
4. เวียดนาม: Công ty trách nhiệm hữu hạn (LLC / TNHH)
ในเวียดนาม รูปแบบบริษัทจำกัดที่พบบ่อยที่สุดคือ Limited Liability Company (LLC) หรือในภาษาเวียดนามคือ Công ty trách nhiệm hữu hạn (TNHH) ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทย่อย:
ประเภทของ LLC ในเวียดนาม:
- One-Member LLC (Công ty TNHH một thành viên): บริษัทจำกัดที่มีเจ้าของ (ผู้ถือหุ้น) เพียงคนเดียว อาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้
- Multi-Member LLC (Công ty TNHH hai thành viên trở lên): บริษัทจำกัดที่มีผู้ถือหุ้น 2 คนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 50 คน
ลักษณะสำคัญของ LLC:
- ความรับผิดจำกัด: สมาชิก/ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบหนี้สินของบริษัทจำกัดเพียงจำนวนเงินทุนที่ตนได้ลงไป
- ข้อจำกัด: LLC ไม่สามารถออกหุ้น (Shares) เพื่อระดมทุนสาธารณะได้ (หากต้องการทำเช่นนั้น ต้องจดแบบ Joint Stock Company)
นิติบุคคลอีกรูปแบบที่สำคัญ: Joint Stock Company (JSC)
Công ty cổ phần (CTCP) หรือ Joint Stock Company (JSC) เป็นอีกรูปแบบที่นิยมสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่ เทียบได้กับบริษัทมหาชน ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คน และสามารถออกหุ้นเพื่อระดมทุนได้
หน่วยงานกำกับดูแล: การจดทะเบียนจะทำผ่าน DPI (Department of Planning and Investment) ในระดับจังหวัดหรือเมือง
5. ฟิลิปปินส์: Corporation (Inc. / OPC)
รูปแบบนิติบุคคลหลักในฟิลิปปินส์คือ Corporation (บริษัท) ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องลงท้ายด้วย "Inc." (Incorporated), "Corp." หรือ "Corporation" ในอดีตการจัดตั้ง Corporation ต้องมีผู้เริ่มก่อการ (Incorporators) อย่างน้อย 5 คน แต่ปัจจุบันกฎหมายได้ปฏิรูปใหม่ให้ทันสมัยขึ้นมาก
ประเภทของ Corporation ที่สำคัญ:
- Standard Corporation (Inc.): บริษัทมาตรฐานที่สามารถมีผู้ถือหุ้นเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ (ปัจจุบันสามารถมีผู้เริ่มก่อการ 1-15 คน)
- OPC (One Person Corporation): นี่คือการปฏิรูปครั้งใหญ่! ปัจจุบันฟิลิปปินส์อนุญาตให้มีการจัดตั้ง "บริษัทเจ้าของคนเดียว" ได้แล้ว ซึ่งช่วยลดอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก (แม้จะมีข้อจำกัดในบางอุตสาหกรรม)
ลักษณะสำคัญ (สำหรับนักลงทุนต่างชาติ):
- ความเป็นเจ้าของ: นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 100% ในหลายอุตสาหกรรม (Domestic Corporation) แต่มีบางอุตสาหกรรมที่สงวนไว้สำหรับชาวฟิลิปปินส์ (เช่น ค้าปลีก, สื่อสารมวลชน)
- หน่วยงานกำกับดูแล: SEC (Securities and Exchange Commission) หรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฟิลิปปินส์
ความสำคัญของการระบุชื่อและประเภทนิติบุคคลให้ถูกต้องในสัญญา
นี่คือหัวใจสำคัญที่นักธุรกิจมักมองข้าม การที่คุณรู้จัก "คุณไมเคิล" จากบริษัท ABC Pte. Ltd. ไม่ได้หมายความว่าคุณควรทำสัญญากับ "คุณไมเคิล" หรือ "ABC Trading" การระบุชื่อคู่สัญญาผิดพลาดในเอกสารทางกฎหมายอาจส่งผลกระทบร้ายแรง ดังนี้:
- สัญญาอาจเป็นโมฆะ (Void Contract): หากคุณทำสัญญากับนิติบุคคลที่ไม่มีอยู่จริง (เช่น สะกดชื่อผิด, ใช้ชื่อการค้าแทนชื่อจดทะเบียน) ศาลอาจตีความว่าสัญญานั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง
- ปัญหาการบังคับใช้หนี้ (Enforcement Issues): หากคู่ค้าของคุณ (เช่น ABC Pte. Ltd.) ผิดสัญญา คุณต้องฟ้องร้อง "ABC Pte. Ltd." เท่านั้น แต่ถ้าในสัญญาระบุชื่อ "ABC Trading" (ซึ่งเป็นเพียงชื่อการค้า) คุณอาจไม่สามารถฟ้องร้องนิติบุคคลที่ถูกต้องได้
- ความรับผิดส่วนบุคคล (Personal Liability): ในทางกลับกัน หากคุณลงนามในสัญญาในนามส่วนตัว แทนที่จะลงนามในฐานะ "กรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท เอ็นวายซี... จำกัด" คุณอาจต้องรับผิดชอบหนี้สินนั้นเป็นการส่วนตัวอย่างไม่จำกัด
- การสูญเสียการจำกัดความรับผิด (Piercing the Corporate Veil): การใช้ชื่อนิติบุคคลอย่างสับสนปนเปกัน อาจทำให้ศาลมองว่าคุณไม่ได้แยกทรัพย์สินส่วนตัวออกจากบริษัท และสั่งให้คุณรับผิดชอบหนี้ของบริษัทเป็นการส่วนตัวได้
คำแนะนำจาก NYC+: ก่อนลงนามในสัญญาระหว่างประเทศใดๆ ต้อง ตรวจสอบชื่อนิติบุคคลที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ (Legal Name) และเลขทะเบียนนิติบุคคล (Registration Number) จากหน่วยงานราชการของประเทศนั้นๆ เสมอ (ดู วิธีตรวจสอบ ด้านล่าง) และระบุข้อมูลนี้ให้ชัดเจนในสัญญา
จะตรวจสอบข้อมูลบริษัทในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างไร?
การตรวจสอบสถานะของคู่ค้า (Due Diligence) เป็นสิ่งจำเป็น คุณสามารถเริ่มต้นตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้จากพอร์ทัลของหน่วยงานราชการในแต่ละประเทศ ดังนี้:
ลิงก์ไปยังหน่วยงานจดทะเบียนธุรกิจของแต่ละประเทศ (Topic 10)
-
สิงคโปร์ (Singapore):
หน่วยงาน: ACRA (Accounting and Corporate Regulatory Authority)
พอร์ทัล: BizFile+
ลิงก์: https://www.bizfile.gov.sg/
(คุณสามารถค้นหาข้อมูลเบื้องต้นได้ฟรี แต่การดึง Business Profile ฉบับเต็มจะมีค่าธรรมเนียม) -
มาเลเซีย (Malaysia):
หน่วยงาน: SSM (Suruhanjaya Syarikat Malaysia)
พอร์ทัล: SSM e-Info
ลิงก์: https://www.ssm.com.my/ (หรือพอร์ทัล e-Info โดยตรง)
(การเข้าถึงข้อมูลมักจะต้องลงทะเบียนและมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย) -
อินโดนีเซีย (Indonesia):
หน่วยงาน: Ministry of Law and Human Rights (Kementerian Hukum dan HAM)
พอร์ทัล: AHU Online
ลิงก์: https://ahu.go.id/
(การค้นหาข้อมูลค่อนข้างซับซ้อนและอาจต้องใช้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่) -
เวียดนาม (Vietnam):
หน่วยงาน: Agency for Business Registration (ภายใต้ Ministry of Planning and Investment)
พอร์ทัล: National Business Registration Portal (Dich vu Thong tin Doanh nghiep)
ลิงก์: https://dichvuthongtin.dkkd.gov.vn/
(สามารถค้นหาข้อมูลพื้นฐานได้ฟรี) -
ฟิลิปปินส์ (Philippines):
หน่วยงาน: SEC (Securities and Exchange Commission)
พอร์ทัล: e-SPARC / SEC i-View
ลิงก์: https://www.sec.gov.ph/
(สามารถค้นหาชื่อบริษัทที่จดทะเบียนแล้วได้)
การใช้พอร์ทัลเหล่านี้อาจมีความซับซ้อน, เป็นภาษาท้องถิ่น, หรือให้ข้อมูลเพียงผิวเผิน หากคุณต้องการรายงานการตรวจสอบสถานะเชิงลึก (Due Diligence Report) ที่ระบุสถานะทางกฎหมาย, กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, และสถานะทางการเงิน NYC+ สามารถให้บริการนี้ได้ (ดูบริการของเรา)
เราพร้อมช่วยคุณตรวจสอบและรับรองเอกสารจากทั่วทั้งภูมิภาค
การทำความเข้าใจประเภทนิติบุคคลเป็นเพียงจุดเริ่มต้น NYC Translation and Notary Service พร้อมสนับสนุนธุรกิจของคุณในทุกขั้นตอนของการทำธุรกรรมระหว่างประเทศในอาเซียน:
1. บริการตรวจสอบและค้นหาข้อมูลบริษัท (Due Diligence)
เราสามารถช่วยคุณตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของคู่ค้าในอาเซียน เพื่อยืนยันตัวตน, สถานะทางกฎหมาย, ตรวจสอบว่าบริษัทไม่ได้อยู่ระหว่างการล้มละลายหรือถูกฟ้องร้องคดีร้ายแรง
2. บริการแปลเอกสารสัญญาและเอกสารทางกฎหมาย
สัญญาสองภาษา (Bilingual Contract) เป็นสิ่งจำเป็นในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ทีมงานของเราสามารถแปลเอกสารสัญญา, ข้อบังคับบริษัท, หรือเอกสารราชการต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ (ค่าบริการแปลเริ่มต้น 500 บาท)
3. บริการรับรองเอกสาร Notary Public (Notarization)
เอกสารสำคัญที่จะนำไปใช้ในต่างประเทศ เช่น หนังสือมอบอำนาจ (Power of Attorney), คำให้การ (Affidavit), หรือสัญญา, มักจะต้องผ่านการรับรองโดย Notary Public เพื่อยืนยันความถูกต้องของลายมือชื่อและความสมัครใจในการลงนาม (ค่าบริการรับรองเอกสาร Notary Public ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท)
4. บริการรับรองเอกสารกงสุลและสถานทูต (Legalization)
สำหรับประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ (ที่ไม่ได้เป็นภาคีอนุสัญญาเฮก) เอกสารที่รับรองโดย Notary Public แล้ว ยังต้องผ่านการรับรองจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย และประทับตรารับรองโดยสถานทูตของประเทศปลายทางอีกครั้ง เรามีบริการดำเนินการ "เดินเรื่อง" ทั้งหมดนี้ให้คุณแบบ One-stop Service
ตัวอย่างเอกสารที่เรารับรองโดย Notary Public
เรามีประสบการณ์ในการรับรองเอกสารทางธุรกิจทุกประเภทสำหรับการใช้งานทั่วโลก