คู่มือฉบับสมบูรณ์ (4000+ คำ): การจัดส่งเอกสาร Notary ไปต่างประเทศ
หลังจากที่คุณผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนของการเตรียมเอกสาร, การแปลเอกสาร, การรับรอง Notary Public, และอาจรวมถึงการรับรอง Legalization ที่กรมการกงสุล จนได้เอกสารฉบับสมบูรณ์มาอยู่ในมือ ความรู้สึกโล่งใจก็เกิดขึ้น... แต่เพียงชั่วครู่
ความกังวลระลอกใหม่ก็เข้ามาแทนที่: "เราจะส่งเอกสารสำคัญที่ทดแทนไม่ได้เหล่านี้ไปต่างประเทศได้อย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด?"
ไม่ว่าจะเป็นใบปริญญาบัตรตัวจริงเพื่อยื่นสมัครมหาวิทยาลัย, สัญญาธุรกิจมูลค่ามหาศาล, หรือเอกสารสำคัญในการยื่นขอวีซ่าถาวร การสูญหายหรือเสียหายของเอกสารเหล่านี้ระหว่างการจัดส่ง อาจหมายถึงการพลาดโอกาสสำคัญ, ความล่าช้าที่ประเมินค่าไม่ได้, หรือกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
ในฐานะผู้ให้บริการที่เห็นความสำคัญของเอกสารลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง NYC+ จึงได้จัดทำ "คู่มือฉบับสมบูรณ์" นี้ขึ้น เพื่อเป็นบริการหลังการขายและให้ความรู้แก่ลูกค้าทุกท่านในการจัดการขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดนี้ นั่นคือ การจัดส่งเอกสารไปยังปลายทางอย่างปลอดภัย ไร้กังวล
เป้าหมายของคู่มือนี้ (Answer-First Approach)
คู่มือนี้จะสอนคุณใน 3 ส่วนหลักที่คนมักทำผิดพลาด:
- การเลือกผู้ให้บริการ (Who): ทำไม DHL/FedEx จึงเหนือกว่าไปรษณีย์ทั่วไปสำหรับเอกสารสำคัญ
- การแพ็กเอกสาร (How-to Pack): วิธีการแพ็กเอกสารที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการยับและกันน้ำ
- การกรอกเอกสาร (How-to Declare): วิธีการกรอก Air Waybill (AWB) โดยเฉพาะช่อง "การสำแดงชนิดสินค้า" และ "การประเมินมูลค่า" อย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้ติดศุลกากร
การอ่านคู่มือนี้จนจบ จะช่วยลดความเสี่ยงในการจัดส่งเอกสารสำคัญของคุณได้มากกว่า 90%
ขั้นตอนที่ 1: การเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ (Choosing a Reliable Courier)
ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการเลือก "พาหนะ" ที่จะนำเอกสารสำคัญของคุณเดินทางข้ามโลก สำหรับเอกสารทางกฎหมายหรือเอกสารที่ทดแทนไม่ได้ (Irreplaceable Documents) เรามีคำแนะนำที่ชัดเจน: จงเลือกใช้บริการ Global Courier ระดับพรีเมียมเท่านั้น
ทำไมต้องเป็น DHL, FedEx, หรือ UPS?
ผู้ให้บริการเหล่านี้ (DHL, FedEx, UPS) ไม่ใช่แค่บริษัทส่งของ แต่เป็นบริษัทโลจิสติกส์ระดับโลกที่มีเครือข่ายเครื่องบิน, ยานพาหนะ, และระบบติดตาม (Tracking) เป็นของตัวเองทั้งหมด (End-to-End Network) ซึ่งหมายความว่า:
- ความน่าเชื่อถือสูง (High Reliability): อัตราการสูญหายต่ำมากเมื่อเทียบกับไปรษณีย์ปกติ
- การติดตามที่แม่นยำ (Precise Tracking): คุณสามารถเห็นสถานะเอกสารของคุณแบบ Real-time ว่าผ่านศุลกากรที่ไหน ถึงศูนย์คัดแยกใดแล้ว
- ความเร็ว (Speed): บริการ Express สามารถส่งถึงมือผู้รับในเมืองใหญ่ทั่วโลกได้ภายใน 1-3 วันทำการ
- การจัดการศุลกากร (Customs Clearance): พวกเขามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านศุลกากรในทุกประเทศปลายทาง ช่วยให้เอกสาร (แม้จะเป็น NCV) ผ่านศุลกากรได้รวดเร็ว
| ผู้ให้บริการ | จุดเด่น (Pros) | ข้อควรพิจารณา (Cons) |
|---|---|---|
| DHL Express |
|
|
| FedEx (Federal Express) |
|
|
| UPS (United Parcel Service) |
|
|
ตารางเปรียบเทียบผู้ให้บริการ Courier ชั้นนำสำหรับการส่งเอกสาร
ข้อควรระวัง: การส่งเอกสารสำคัญผ่านไปรษณีย์ไทย (EMS ระหว่างประเทศ)
เราต้องขอย้ำว่า ไปรษณีย์ไทย (Thailand Post) และบริการ EMS เป็นบริการที่ดีเยี่ยมสำหรับการส่งสินค้าหรือเอกสารทั่วไปในราคาที่ประหยัด
อย่างไรก็ตาม สำหรับเอกสารสำคัญทางกฎหมายที่ "ทดแทนไม่ได้" หรือ "ทำใหม่ยากมาก" (เช่น ใบปริญญาบัตรตัวจริง, สูติบัตร, สัญญาที่ลงนามแล้ว) เราไม่แนะนำให้ใช้บริการไปรษณีย์ ด้วยเหตุผลดังนี้:
- การส่งต่อระบบ (Hand-off System): EMS จะดำเนินการโดยไปรษณีย์ไทยในประเทศ และเมื่อไปถึงประเทศปลายทาง จะถูกส่งต่อให้ "ไปรษณีย์แห่งชาติ" ของประเทศนั้นๆ (เช่น USPS ในอเมริกา, Royal Mail ในอังกฤษ) ซึ่งหมายความว่าการติดตามอาจขาดหายในช่วงรอยต่อ และมาตรฐานการบริการอาจไม่สอดคล้องกัน
- ความเสี่ยงสูญหาย: ระบบไปรษณีย์มีอัตราการสูญหายหรือล่าช้า "ที่สูงกว่า" ระบบปิดของ Courier อย่างมีนัยสำคัญ
- ศุลกากร: การผ่านศุลกากรสำหรับเอกสารอาจช้ากว่า เพราะไม่ได้ถูกจัดการโดยทีมงานเฉพาะทางของ Courier
บทสรุป: หากเอกสารของคุณคือสำเนาที่ทำใหม่ได้ง่าย การใช้ EMS อาจเป็นทางเลือกที่ประหยัด แต่หากเอกสารนั้นคือ "ตัวจริง" ที่มีเพียงฉบับเดียว การลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อใช้ DHL หรือ FedEx คือการ "ซื้อความสบายใจ" ที่คุ้มค่าที่สุด
ขั้นตอนที่ 2: คู่มือการแพ็กเอกสาร (Packaging Guide) - ป้องกัน 101
เอกสารของคุณผ่านการรับรองมาอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่าให้มาเสียหายเพราะการแพ็กที่ไม่ดีพอ การเดินทางข้ามทวีปหมายถึงการผ่านมือผู้คนมากมาย ผ่านศูนย์คัดแยกหลายแห่ง และเผชิญกับสภาพอากาศที่แตกต่างกัน การแพ็กที่ดีคือเกราะป้องกันด่านสุดท้าย
นี่คือขั้นตอนการแพ็กเอกสารฉบับมืออาชีพที่ NYC+ แนะนำ:
-
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมอุปกรณ์ (Gather Materials)
ก่อนเริ่มต้น ให้เตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ให้พร้อม:
- ซองพลาสติกใสกันน้ำ (Waterproof Plastic Sleeve/Folder): ขนาดใหญ่กว่า A4 เล็กน้อย
- กระดาษแข็งหรือแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดบาง (Cardboard Inserts): ขนาด A4 หรือใหญ่กว่าเล็กน้อย จำนวน 2 แผ่น
- ซองเอกสารหลักของ Courier (Courier Pak): เช่น ซอง DHL Express Pak หรือ FedEx Pak (มักมีบับเบิ้ลกันกระแทกด้านใน)
- เทปใส/เทปปิดกล่อง (Packing Tape): สำหรับปิดผนึกเพิ่มเติม (ถ้าจำเป็น)
- Air Waybill (AWB): ใบตราส่งสินค้า (รับจาก Courier หรือพิมพ์ออนไลน์)
-
ขั้นตอนที่ 2: ใส่ซองกันน้ำ (Waterproof It)
ทำไม? พัสดุของคุณอาจต้องเจอกับฝนระหว่างการขนย้ายขึ้นเครื่องบิน หรือความชื้นในคลังสินค้า นี่คือขั้นตอนที่คนมักมองข้ามแต่สำคัญมาก
วิธีทำ: นำเอกสาร Notary ทั้งหมด (รวมถึงเอกสารแปลและเอกสารประกอบ) ใส่ลงในซองพลาสติกใสกันน้ำ ปิดซองให้สนิท หากไม่มีซองพลาสติก ให้ใช้ซองพลาสติกใส A4 แบบหนาก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย
-
ขั้นตอนที่ 3: ประกบด้วยกระดาษแข็ง (Prevent Bending)
ทำไม? เอกสารจะถูกทับถมกับพัสดุอื่นๆ การไม่มีอะไรดามไว้ อาจทำให้เอกสารยับ, งอ, หรือหัก ซึ่งอาจทำให้การรับรอง Notary หรือตราประทับเสียหายและไม่เป็นที่ยอมรับ
วิธีทำ: นำซองพลาสติกที่ใส่เอกสารแล้ว มาวางระหว่างกระดาษแข็ง 2 แผ่น (เหมือนการทำแซนวิช) กระดาษแข็งนี้จะทำหน้าที่เป็น "เฝือก" ป้องกันไม่ให้เอกสารงอหรือยับได้
-
ขั้นตอนที่ 4: ใส่ซอง Courier และปิดผนึก (Seal Securely)
นำ "แซนวิช" เอกสาร (กระดาษแข็ง + ซองพลาสติก) ที่เตรียมไว้ ใส่ลงในซองเอกสารหลักของ Courier (เช่น DHL Pak หรือ FedEx Pak) ซองเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานและมักมีกันกระแทกอยู่แล้ว
การปิดผนึก: ลอกแถบกาวบนซอง Courier และปิดให้แน่นหนาที่สุด หากคุณกังวลเรื่องการเปิดอ่านระหว่างทาง (Tampering) คุณอาจใช้เทปใสปิดทับแนวฝาปิดของซองอีกชั้นหนึ่ง (แม้ว่าปกติแถบกาวจะเหนียวมากอยู่แล้ว)
-
ขั้นตอนที่ 5: ติด Air Waybill (Label Correctly)
แปะ Air Waybill (AWB) ที่กรอกข้อมูลครบถ้วนแล้วลงบนด้านหน้าของซอง Courier ในช่องพลาสติกใสที่จัดเตรียมไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบาร์โค้ดและที่อยู่ชัดเจน ไม่ถูกบดบัง
Pro Tip: พิมพ์ AWB สองชุด แปะหนึ่งชุดไว้ด้านนอก และ "ใส่สำเนาอีกหนึ่งชุดไว้ด้านใน" พร้อมกับเอกสารของคุณ หากฉลากด้านนอกเสียหายหรือหลุดหาย ศูนย์คัดแยกจะสามารถเปิดพัสดุและพบ AWB สำรองด้านใน ทำให้พัสดุของคุณยังคงถูกส่งต่อไปยังปลายทางได้
ขั้นตอนที่ 3 & 4: ถอดรหัส Air Waybill (AWB) - ส่วนที่สำคัญที่สุด
Air Waybill (AWB) หรือใบตราส่งสินค้า คือเอกสารที่สำคัญที่สุดในการจัดส่ง เป็นทั้งสัญญาการขนส่ง, ใบกำกับ, และเอกสารสำหรับศุลกากรในฉบับเดียว การกรอกผิดพลาด โดยเฉพาะ 2 ช่องนี้ คือสาเหตุหลักที่ทำให้เอกสารติดศุลกากร
แบบฟอร์ม Air Waybill มีช่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
1. การสำแดงชนิดสินค้า (Full Description of Contents)
ช่องนี้คือการบอกศุลกากรว่า "ในซองนี้คืออะไร?"
- สิ่งที่ควรเขียน (Do):
- "Legal Documents" (เอกสารทางกฎหมาย)
- "Business Documents" (เอกสารทางธุรกิจ)
- "Educational Documents" (เอกสารการศึกษา)
- "Certified True Copy of Degree" (สำเนาที่รับรองถูกต้องของใบปริญญา)
- สิ่งที่ไม่ควรเขียน (Don't):
- "Documents" (เอกสาร): คำนี้กว้างเกินไป ศุลกากรในบางประเทศ (เช่น สหรัฐฯ) อาจตีกลับหรือเปิดตรวจเพราะไม่ชัดเจน
- "Gift" (ของขวัญ): อาจทำให้ถูกประเมินภาษีของขวัญ
- "Contract" (สัญญา): แม้จะเป็นสัญญาจริง แต่การระบุคำนี้ตรงๆ อาจทำให้ศุลกากรบางประเทศสงสัยและประเมินมูลค่า (ดูหัวข้อถัดไป)
- "Passport" (หนังสือเดินทาง): หากส่งพาสปอร์ต ควรระบุให้ชัดเจน เช่น "Used Personal Passport for Visa Stamping"
คำแนะนำที่ดีที่สุด: ใช้คำว่า "Legal Documents" หรือ "Business Documents" เพราะเป็นคำสากลที่ศุลกากรเข้าใจว่าไม่มีมูลค่าทางการค้า และมักจะผ่านได้โดยง่าย
2. การประเมินมูลค่า (Value Declaration / Customs Value)
นี่คือส่วนที่ สำคัญที่สุดและคนเข้าใจผิดมากที่สุด ของการส่งเอกสาร ผู้คนมักสับสนระหว่าง "มูลค่าศุลกากร" กับ "มูลค่าประกัน" ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง
ข้อเท็จจริง: ช่อง "Value for Customs" (มูลค่าสำหรับศุลกากร) บน AWB มีไว้เพื่อให้ศุลกากรประเทศปลายทางใช้ "ประเมินภาษีนำเข้า" (Import Duty/Tax) เท่านั้น
กฎเหล็ก: สำหรับเอกสารที่ไม่มีมูลค่าทางการค้า (เช่น สัญญา, ใบปริญญา, สูติบัตร) คุณต้องสำแดงมูลค่าให้ "ต่ำที่สุด" เพื่อยืนยันว่านี่ไม่ใช่ "สินค้า" และ "ไม่มีมูลค่าการค้า"
ความเข้าใจผิดที่อันตรายที่สุด
ความเข้าใจผิด: สัญญาของฉันมีมูลค่า 10,000,000 บาท ฉันจึงควรกรอก 10,000,000 บาท ลงในช่อง Value Declaration
ผลลัพธ์ (หายนะ): เมื่อพัสดุถึงประเทศปลายทาง ศุลกากรจะเห็นว่าคุณ "นำเข้าสินค้ามูลค่า 10,000,000 บาท" และจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าและ VAT จากมูลค่านี้ทันที (เช่น อาจโดนภาษี 20% = 2,000,000 บาท) ผู้รับปลายทางจะต้องจ่ายภาษีนี้ก่อนจึงจะได้รับซองเอกสารของคุณ!
สิ่งที่ถูกต้อง: NCV และการสำแดงมูลค่าต่ำ
สำหรับเอกสารสำคัญทั้งหมด คุณควรดำเนินการดังนี้:
- ติ๊กช่อง (ถ้ามี) หรือเขียนกำกับว่า "NCV" (No Commercial Value) หรือ "Value for Customs Purposes Only"
- ในช่องตัวเลข ให้กรอกมูลค่าที่ต่ำมากๆ เช่น 1 USD, 50 THB, หรือ 1 EUR
การกระทำนี้เป็นการแจ้งศุลกากรว่า "สิ่งที่อยู่ข้างในคือกระดาษ ไม่มีมูลค่าการค้าขายต่อได้ โปรดอย่าเก็บภาษี" ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติมาตรฐานสากลสำหรับการส่งเอกสารทางกฎหมายครับ
"แล้วถ้าเอกสารฉันหาย ฉันก็จะได้เงินคืนแค่ 1 USD น่ะสิ?"
คำตอบคือ "ใช่ครับ... ถ้าคุณไม่ได้ซื้อประกัน" ซึ่งจะนำเราไปสู่หัวข้อถัดไป
ขั้นตอนที่ 5 & 6: การติดตามพัสดุ (Tracking) และ การทำประกัน (Insurance)
หลังจากส่งเอกสารแล้ว คุณจะได้รับหมายเลข Air Waybill (AWB) ซึ่งเป็นหมายเลข Tracking ของคุณ
การติดตามพัสดุ (Tracking)
นี่คือข้อดีหลักของ Courier ระดับโลก คุณสามารถนำเลข Tracking ไปกรอกในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของพวกเขา (DHL, FedEx, UPS) และจะเห็นสถานะโดยละเอียด เช่น:
- Shipment Picked Up (รับพัสดุแล้ว)
- Processed at [Bangkok Sort Facility] (ถึงศูนย์คัดแยก กทม.)
- Departed from [Bangkok Gateway] (ออกจากประเทศไทย)
- Arrived at [Frankfurt Hub] (ถึงศูนย์คัดแยกที่แฟรงก์เฟิร์ต)
- Clearance Event (กำลังดำเนินพิธีการศุลกากร)
- Shipment with Courier for Delivery (เจ้าหน้าที่กำลังนำส่ง)
- Delivered and Signed by [Mr. Smith] (จัดส่งสำเร็จ มีผู้รับชื่อ...)
การติดตามที่ละเอียดนี้ช่วยให้ทั้งผู้ส่งและผู้รับวางแผนและสบายใจได้
การทำประกันการจัดส่ง (Shipment Insurance): สิ่งที่คนมักเข้าใจผิด
กลับมาที่คำถามเดิม: "ถ้าฉันสำแดงมูลค่าไว้ 1 USD แล้วเอกสารหาย ฉันจะทำอย่างไร?"
คำตอบคือ คุณต้องซื้อ "ประกันการจัดส่ง (Shipment Insurance)" แยกต่างหาก ซึ่งมักจะเป็นตัวเลือกเสริมตอนที่คุณสร้าง AWB
ประกันคุ้มครองอะไร?
นี่คือส่วนสำคัญ: ประกันการจัดส่งเอกสาร ไม่คุ้มครอง "มูลค่าของสัญญา" หรือ "ความเสียหายต่อเนื่อง" (Consequential Loss)
ตัวอย่าง: คุณส่งสัญญาดีลธุรกิจมูลค่า 100 ล้านบาท หากเอกสารหาย บริษัทประกันจะไม่จ่ายเงิน 100 ล้านบาทให้คุณ
สิ่งที่ประกันคุ้มครองคือ "ค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสารนั้นขึ้นมาใหม่" (Re-creation Cost หรือ Cost of Replacement) เท่านั้น เช่น:
- ค่าธรรมเนียมในการขอใบปริญญาใหม่จากมหาวิทยาลัย
- ค่าธรรมเนียมในการขอสูติบัตรใหม่จากเขต
- ค่าแปลเอกสารใหม่
- ค่าธรรมเนียม Notary Public และค่ารับรองกงสุลใหม่
- ค่าเดินทางและเวลาที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเหล่านี้ (ตามที่ระบุในกรมธรรม์)
ดังนั้น: เมื่อซื้อประกัน ให้ประเมิน "ค่าใช้จ่ายในการทำใหม่" ไม่ใช่ "มูลค่าของเอกสาร" เช่น หากการขอใบปริญญาใหม่+แปล+รับรอง ทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000 บาท คุณก็ควรทำประกันในวงเงินนี้ครับ
เรามีบริการช่วยประสานงานกับบริษัท Courier หรือไม่?
คำตอบคือ "มีครับ" (Yes, we do!)
ที่ NYC+ เราเข้าใจดีว่าหลังจากที่คุณเหนื่อยกับการเตรียมเอกสาร Notary และ Legalization แล้ว คุณอาจไม่อยากไปวุ่นวายกับขั้นตอนการจัดส่งด้วยตัวเองอีก
เราจึงมี "บริการเสริมเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่งเอกสารระหว่างประเทศ" สำหรับลูกค้าของเราโดยเฉพาะ
บริการของเราทำงานอย่างไร:
- บริการครบวงจร (One-Stop Service): หลังจากที่เอกสารของคุณผ่านการรับรอง Notary และ/หรือ กงสุล เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ของเราว่าต้องการใช้บริการจัดส่งต่อไปยังปลายทาง
- ดำเนินการผ่านบัญชีองค์กร (Corporate Account): เราจะดำเนินการจองและจัดส่งเอกสารของคุณผ่านบัญชีองค์กร (Corporate Account) ของเรากับผู้ให้บริการชั้นนำ (เช่น DHL หรือ FedEx)
- กรอกเอกสารอย่างมืออาชีพ: เราจะช่วยคุณกรอก AWB, สำแดงชนิดสินค้า ("Legal Documents"), และสำแดงมูลค่า (NCV/1 USD) อย่างถูกต้อง 100% เพื่อรับประกันการผ่านศุลกากรที่ราบรื่น
- รับหมายเลข Tracking ทันที: คุณจะได้รับหมายเลข AWB Tracking เพื่อติดตามสถานะได้ทันที
ประโยชน์ของการใช้บริการจัดส่งผ่าน NYC+
- สะดวกสบาย: จบทุกขั้นตอนในที่เดียว ไม่ต้องเดินทางไปที่ศูนย์ Courier เอง
- ลดข้อผิดพลาด: มั่นใจได้ว่า AWB และการสำแดงมูลค่าถูกต้องแน่นอน 100%
- ราคาที่แข่งขันได้: ในบางเส้นทาง การจัดส่งผ่านบัญชีองค์กรของเราอาจมีอัตราค่าบริการที่ดีกว่าการส่งด้วยตนเอง (Walk-in)
- ความต่อเนื่อง: เราดูแลเอกสารของคุณตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ
โปรดสอบถามค่าบริการเสริมนี้กับทีมผู้ประสานงานของเราได้เลยครับ
ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยง (Common Shipping Mistakes)
เพื่อสรุปประเด็นสำคัญ นี่คือ 5 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดที่ควรหลีกเลี่ยง:
- ใช้ไปรษณีย์ธรรมดา/EMS ส่งเอกสารตัวจริง: เสี่ยงเกินไปสำหรับเอกสารที่ทดแทนไม่ได้
- แพ็กเอกสารไม่ดี: ใส่เอกสารในซองกระดาษธรรมดา ไม่กันน้ำ ไม่กันยับ
- กรอกที่อยู่เป็นตู้ ปณ. (P.O. Box): DHL/FedEx/UPS ไม่สามารถจัดส่งไปยังตู้ ปณ. ได้ ต้องใช้ที่อยู่จริง (Physical Address) เท่านั้น
- สำแดงมูลค่า (Value) ผิด: การใส่ "มูลค่าสัญญา" (เช่น $1,000,000) แทนที่จะเป็น "มูลค่าศุลกากร" (เช่น $1) จะทำให้ผู้รับต้องเสียภาษีมหาศาล
- ลืมเบอร์โทรศัพท์/รหัสไปรษณีย์ของผู้รับ: ขาดข้อมูลนี้อาจทำให้การจัดส่งล้มเหลวและเอกสารถูกตีกลับ
ลิงก์ที่เป็นประโยชน์ (Useful Links)
คุณสามารถติดตามพัสดุ หรือตรวจสอบข้อมูลบริการได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการหลัก:
ปกป้องเอกสารสำคัญของคุณจนถึงมือผู้รับ
การรับรอง Notary Public คือการสร้างความน่าเชื่อถือทางกฎหมายให้กับเอกสาร การจัดส่งเอกสารนั้นอย่างปลอดภัย คือการปกป้องความน่าเชื่อถือนั้นให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง
เราหวังว่าคู่มือฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้ท่านเข้าใจกระบวนการและลดความกังวลในการจัดส่งเอกสารสำคัญครั้งต่อไป ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่การเลือกซอง การกรอก AWB ไปจนถึงการสำแดงมูลค่า คือสิ่งที่จะรับประกันว่าเอกสารอันทรงคุณค่าของท่าน จะถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยและทันเวลา
สอบถามเราเพิ่มเติมได้เสมอ: หากคุณใช้บริการ Notary กับ NYC+ และมีคำถามเกี่ยวกับการจัดส่ง อย่าลังเลที่จะสอบถามทีมงานของเรา เรายินดีให้คำแนะนำเสมอครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการส่งเอกสาร
❓ ควรสำแดงมูลค่า (Value Declaration) บน AWB เท่าไหร่สำหรับเอกสาร?
นี่คือคำถามที่พบบ่อยที่สุดครับ สำหรับเอกสารทางกฎหมาย, เอกสารการศึกษา, หรือสัญญา ที่ไม่มีมูลค่าทางการค้าในตัวมันเอง (No Commercial Value - NCV) คุณควรสำแดง 'มูลค่าสำหรับศุลกากร' (Customs Value) ให้ต่ำที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เช่น 1 USD, 100 THB, หรือ 50 THB เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกประเมินภาษีนำเข้าที่ประเทศปลายทาง
ข้อสำคัญ: ห้ามกรอกมูลค่าของสัญญา (เช่น 1,000,000 USD) ลงในช่องนี้เด็ดขาด เพราะจะทำให้เอกสารถูกปฏิบัติเหมือน 'สินค้า' และต้องเสียภาษีครับ มูลค่านี้ 'ไม่ใช่' มูลค่าประกัน
❓ ถ้าเอกสารหาย ประกัน (Insurance) จะคุ้มครองมูลค่าสัญญาของฉันหรือไม่?
ไม่ครับ ประกันการจัดส่งเอกสาร (Shipment Insurance) จะไม่คุ้มครอง 'ความเสียหายต่อเนื่อง' (Consequential Loss) เช่น มูลค่าของดีลธุรกิจที่ล้มเหลว หรือค่าเสียโอกาส
ประกันจะคุ้มครองเฉพาะ 'ค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสารใหม่' (Re-creation Cost) เท่านั้น เช่น ค่าธรรมเนียมในการขอเอกสารใหม่จากมหาวิทยาลัย, ค่าแปลเอกสาร, ค่าธรรมเนียม Notary Public, และค่ารับรองกงสุลใหม่ ดังนั้น หากคุณทำประกัน ควรประเมินจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ไม่ใช่มูลค่าของสัญญาครับ
❓ NYC+ มีบริการช่วยจัดส่งเอกสารเลยหรือไม่?
มีครับ! เพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุดให้แก่ลูกค้าของเรา หลังจากที่เอกสารของท่านผ่านการรับรอง Notary Public และ/หรือ การรับรองกงสุล (Legalization) เรียบร้อยแล้ว เรามี 'บริการประสานงานจัดส่งเอกสาร' ไปยังปลายทางทั่วโลก เราสามารถช่วยดำเนินการจองและจัดส่งผ่านบัญชีองค์กรของเรากับ DHL หรือ FedEx ซึ่งอาจช่วยให้กระบวนการราบรื่นขึ้นและมีอัตราค่าบริการที่ดีกว่าการส่งด้วยตนเองในบางครั้ง โปรดสอบถามเจ้าหน้าที่ของเราเกี่ยวกับบริการเสริมนี้ได้เลยครับ
❓ ส่งเอกสารด้วยไปรษณีย์ไทย EMS ไปต่างประเทศได้หรือไม่?
สำหรับเอกสารทั่วไป 'ทำได้' ครับ EMS เป็นบริการที่ดีและประหยัดกว่า แต่สำหรับ 'เอกสารสำคัญที่ทดแทนไม่ได้' (Irreplaceable Documents) เช่น ใบปริญญาบัตรตัวจริง, สัญญาต้นฉบับ, หรือเอกสารทางกฎหมายที่ทำใหม่ได้ยาก เรา 'ไม่แนะนำ' อย่างยิ่งครับ
เนื่องจากความเสี่ยงในการสูญหายหรือความล่าช้าที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Courier ระดับโลกอย่าง DHL/FedEx และกระบวนการติดตาม (Tracking) ระหว่างประเทศอาจไม่ละเอียดเท่า การประหยัดค่าส่งเพียงเล็กน้อยอาจไม่คุ้มค่ากับความเสียหายหากเอกสารสูญหายครับ
❓ ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดในการกรอก AWB คืออะไร?
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและสร้างปัญหามากที่สุดคือ:
1. กรอกที่อยู่ปลายทางเป็น P.O. Box (ตู้ ปณ.): Courier ระดับโลกส่วนใหญ่ (DHL, FedEx) 'ไม่ส่ง' เอกสารไปยัง P.O. Box ครับ ต้องเป็นที่อยู่จริง (Physical Address) เท่านั้น
2. สำแดงมูลค่าสูงเกินไป: (ดังที่กล่าวไปแล้ว) การใส่ตัวเลขมูลค่าสูงๆ เพราะคิดว่าเป็นประกัน จะทำให้ติดศุลกากรและถูกเรียกเก็บภาษีทันที
3. สะกดชื่อผู้รับหรือที่อยู่ผิด: แม้ผิดเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้การจัดส่งล้มเหลวหรือล่าช้าอย่างมาก
4. ลืมใส่รหัสไปรษณีย์ (ZIP/Postal Code) หรือเบอร์โทรผู้รับ: ข้อมูลนี้สำคัญมากสำหรับเจ้าหน้าที่จัดส่งในประเทศปลายทาง หากไม่มี เอกสารอาจถูกตีกลับ
ยังไม่มั่นใจ? ให้เราช่วยดูแล
หากคุณยังกังวลเกี่ยวกับการจัดส่งเอกสาร
สอบถามบริการประสานงานจัดส่ง (Courier Coordination Service) จากเราได้เลย
61 ซอยลาดพร้าว 95 (ปรางค์ทิพย์) แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
[ดูแผนที่ Google Maps] □ ติดต่อสอบถาม / นัดหมาย
เครือข่ายและสาขา 77 จังหวัดของเรา
NYC+ มีสำนักงานหลักและเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย และ 50 เขตในกรุงเทพมหานคร พร้อมให้บริการคุณ
สำนักงานสาขาหลัก
สำนักงานใหญ่ (กรุงเทพฯ)
61 ซอยลาดพร้าว 95 (ปรางค์ทิพย์) แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
สาขาขอนแก่น
95 โครงการเดอะวอลล์ ถ.รื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
สาขาอุดรธานี
31/43 ถ.ศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 41000