สรุปขั้นตอนสำคัญ: การเตรียมเอกสารไทยเพื่อใช้ในอิตาลี ไม่สามารถใช้ Apostille ได้ (เนื่องจากไทยไม่ใช่สมาชิกอนุสัญญาเฮก) ท่านต้องใช้กระบวนการ Legalization เต็มรูปแบบ คือ: 1. แปลเอกสารเป็นภาษาอิตาลี (โดยนักแปลที่สถานทูตยอมรับ) 2. รับรองเอกสารที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 3. ยื่นรับรองที่สถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย
อิตาลี ดินแดนแห่ง "La Dolce Vita" (ชีวิตอันแสนหวาน) ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และแฟชั่น ไม่น่าแปลกใจที่อิตาลีเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การเกษียณอายุ การลงทุน หรือแม้กระทั่งการค้นหารากเหง้าของบรรพบุรุษ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทางกฎหมายและธุรการกับประเทศอิตาลีมักมีชื่อเสียงในเรื่องความซับซ้อนของระบบราชการ (Bureaucracy) และความเข้มงวดด้านเอกสาร การเตรียมเอกสารที่ไม่ถูกต้องเพียงจุดเดียว อาจทำให้แผนการย้ายถิ่นฐาน, การซื้อบ้านในฝันที่ทัสคานี, หรือการขอสัญชาติตามสายเลือด ต้องหยุดชะงัก
NYC Plus ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในการจัดการเอกสารที่ซับซ้อนสำหรับสถานทูตต่างๆ ทั่วโลก เราจึงได้จัดทำคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้ขึ้น เพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวม, ข้อกำหนดเฉพาะ, และขั้นตอนที่ถูกต้องในการเตรียมเอกสารสำหรับใช้ในสาธารณรัฐอิตาลีโดยเฉพาะ
ภาพรวมข้อกำหนดเอกสารสำหรับใช้ในสาธารณรัฐอิตาลี
การเตรียมเอกสารสำหรับอิตาลีมี 3 หัวใจสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ:
- ความถูกต้องของเอกสาร (Validity): เอกสารราชการไทยส่วนใหญ่ (เช่น ทะเบียนบ้าน, ใบรับรองโสด, ใบเกิด) ที่จะนำไปยื่นสถานทูตอิตาลี มักต้องเป็นฉบับที่ออกให้ไม่นาน โดยทั่วไปคือไม่เกิน 3-6 เดือน (นับถึงวันที่ยื่น) การใช้เอกสารเก่าที่คัดลอกไว้นานแล้วมักถูกปฏิเสธ
- การแปล (Translation): อิตาลียอมรับเฉพาะเอกสารที่แปลเป็นภาษาอิตาลีเท่านั้น (การแปลเป็นภาษาอังกฤษมักไม่เพียงพอสำหรับเอกสารราชการ) และต้องเป็นการแปลโดยนักแปลที่สถานทูตอิตาลียอมรับ (Recognized/Sworn Translator)
- การรับรอง (Legalization): ดังที่กล่าวไปในกล่องสรุป ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในอนุสัญญาเฮก (Hague Apostille Convention) ดังนั้น เอกสารไทยจึงต้องผ่านการรับรอง "แบบเต็ม" คือทั้ง กงสุลไทย และ สถานทูตอิตาลี
ความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดคือการข้ามขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง หรือการแปลเอกสารโดยนักแปลทั่วไปที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งจะทำให้เอกสารถูกปฏิเสธทันทีเมื่อไปถึงสถานทูตอิตาลี
การรับรองเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าพำนัก (Elective Residency Visa)
หนึ่งในวีซ่าที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับผู้ที่มีความมั่งคั่งและต้องการย้ายไปเกษียณอายุหรือพำนักระยะยาวในอิตาลีคือ "Elective Residency Visa" (Visto Nazionale per Residenza Elettiva - Type D)
วีซ่านี้ออกแบบมาสำหรับผู้ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามี "รายได้เชิงรับ" (Passive Income) ที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในอิตาลี "โดยไม่ต้องทำงาน" (ซึ่งเป็นข้อห้ามเด็ดขาดของวีซ่านี้) รายได้เหล่านี้ต้องมาจาก:
- เงินบำนาญ (Pensions)
- รายได้จากการถือครองอสังหาริมทรัพย์ (เช่น ค่าเช่าบ้าน, คอนโด)
- เงินปันผลจากหุ้นหรือการลงทุน (Dividends)
- รายได้จากแหล่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่การจ้างงานในปัจจุบัน
โดยทั่วไป สถานทูตอิตาลีกำหนดรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 31,000 - 32,000 ยูโรต่อปีสำหรับผู้สมัคร 1 ท่าน และจะเพิ่มขึ้นหากมีคู่สมรสหรือบุตรติดตาม
เอกสารสำคัญที่ต้องรับรอง Notary / Legalization สำหรับวีซ่านี้
นอกเหนือจากหลักฐานทางการเงิน (ซึ่งมักใช้ Statement จากธนาคาร) เอกสารสำคัญอื่นๆ ที่ต้องผ่านกระบวนการแปลและรับรอง ได้แก่:
- เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ (สำหรับผู้ติดตาม): เช่น ทะเบียนสมรส (Certificato di Matrimonio) หรือ สูติบัตร (Certificato di Nascita) ของบุตร เอกสารเหล่านี้ต้องแปลเป็นภาษาอิตาลีและผ่านการรับรองจากกงสุลไทยและสถานทูตอิตาลี
- เอกสารที่พักในอิตาลี: หากคุณซื้ออสังหาริมทรัพย์ สัญญาซื้อขาย (Rogito) ที่ผ่านการรับรองมาแล้วคือหลักฐานที่ดีที่สุด หรือหากเช่า ต้องมีสัญญาเช่าระยะยาวที่ลงทะเบียนถูกต้อง
- หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม (Criminal Record Check): ต้องขอจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แปลเป็นภาษาอิตาลี และผ่านการรับรอง Legalization ครบถ้วน
สำหรับวีซ่าทำงาน (Work Visa)
กระบวนการสำหรับวีซ่าทำงาน (Lavoro Subordinato) จะแตกต่างออกไป โดยนายจ้างในอิตาลีต้องเป็นผู้ดำเนินการขอใบอนุญาตทำงาน (Nulla Osta al Lavoro) จากทางการอิตาลีก่อน เอกสารฝั่งไทยที่คุณต้องเตรียมมักจะเป็น เอกสารด้านการศึกษา (ใบปริญญา, Transcript) และ ใบรับรองประสบการณ์ทำงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องผ่านกระบวนการแปลเป็นภาษาอิตาลีและ Legalization เต็มรูปแบบเช่นกัน
การรับรองเอกสารสำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอิตาลี
การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์ในมิลาน หรือบ้านพักในชนบท ผู้ซื้อชาวไทยจำเป็นต้องใช้เอกสารสำคัญสองอย่าง:
1. Codice Fiscale (เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอิตาลี): นี่คือสิ่งแรกที่ต้องมี เปรียบได้กับเลขบัตรประชาชน 13 หลักของไทย คุณต้องใช้เลขนี้ในการดำเนินการทางกฎหมายทุกอย่างในอิตาลี ตั้งแต่การเปิดบัญชีธนาคารไปจนถึงการซื้ออสังหาฯ การขอ Codice Fiscale สามารถทำได้ที่สถานทูตอิตาลีในกรุงเทพฯ โดยใช้เพียงพาสปอร์ต
2. หนังสือมอบอำนาจ (Procura): หากคุณไม่สามารถบินไปลงนามในสัญญาซื้อขาย (Rogito) ต่อหน้า Notary (Notaio) ที่อิตาลีด้วยตนเองได้ คุณจำเป็นต้องทำ "หนังสือมอบอำนาจ" (Procura) ให้ทนายความหรือตัวแทนในอิตาลีดำเนินการแทน
ความท้าทาย: หนังสือมอบอำนาจนี้มีความซับซ้อนสูง ต้องร่างเป็น 2 ภาษา (ไทยและอิตาลี) และต้องมีเนื้อหาที่ถูกต้องตามกฎหมายอิตาลี 100% จากนั้นต้องนำมาลงนามต่อหน้า Notary Public ของไทย และต้องผ่านกระบวนการ Legalization เต็มรูปแบบ (กงสุลไทย -> สถานทูตอิตาลี) เพื่อให้ Notary ที่อิตาลียอมรับเอกสารนี้
NYC Plus มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำและรับรอง Procura ที่รัดกุม เราร่วมมือกับนักแปลภาษาอิตาลีที่ได้รับการยอมรับ และดำเนินการรับรองเอกสารผ่านทุกขั้นตอนให้คุณได้
การรับรองเอกสารเพื่อขอสัญชาติอิตาลีโดยสายเลือด (Jure Sanguinis)
นี่คือหนึ่งในบริการที่ซับซ้อนที่สุดและเป็นที่ต้องการสูง "Jure Sanguinis" (ยูเร ซังกวินิส) หมายถึง "โดยสิทธิ์แห่งสายเลือด" (By Right of Blood) เป็นกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้มีบรรพบุรุษเป็นชาวอิตาลี (เช่น ปู่, ย่า, ตา, ยาย หรือ ทวด) สามารถยื่นขอสัญชาติอิตาลีได้ แม้ว่าตนเองจะเกิดในต่างประเทศ (เช่น ประเทศไทย) และไม่เคยพูดภาษาอิตาลีเลยก็ตาม
หัวใจสำคัญคือการ "พิสูจน์สายเลือดที่ไม่ขาดตอน"
คุณต้องพิสูจน์ให้สถานทูตอิตาลีเห็นว่าสายเลือดอิตาลีได้ส่งต่อมาถึงคุณโดยไม่ "ขาด" (เช่น บรรพบุรุษของคุณไม่ได้สละสัญชาติอิตาลีก่อนที่ลูกจะเกิด)
กระบวนการนี้ต้องใช้เอกสารจำนวนมหาศาลจากทั้งฝั่งอิตาลีและฝั่งไทย ในส่วนของเอกสารฝั่งไทยที่ NYC Plus สามารถช่วยคุณเตรียมและรับรองได้ทั้งหมด ได้แก่:
- สูติบัตร (ใบเกิด) ของคุณเอง
- ทะเบียนสมรส ของคุณ (ถ้ามี)
- สูติบัตร ของบิดาหรือมารดา (ฝั่งที่มีเชื้อสายอิตาลี)
- ทะเบียนสมรส ของบิดาและมารดา
- สูติบัตร ของปู่/ย่า หรือ ตา/ยาย (ผู้ที่เป็นชาวอิตาลี)
- ทะเบียนสมรส ของปู่/ย่า หรือ ตา/ยาย
- ใบมรณบัตร (หากบรรพบุรุษเสียชีวิตแล้ว)
- ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) ของทุกคนในสาย
ความท้าทายของ Jure Sanguinis ในไทย
เอกสารทั้งหมดนี้ต้อง "สมบูรณ์แบบ" หมายความว่า:
- ต้องเป็นเอกสารตัวจริงที่คัดลอกจากสำนักงานเขตหรืออำเภอ
- ต้องถูก แปลเป็นภาษาอิตาลีทุกคำ โดยนักแปลที่สถานทูตรับรอง
- ต้องผ่านการรับรองนิติกรณ์จาก กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
- ต้องผ่านการรับรองจาก สถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย
NYC Plus มีประสบการณ์ในการจัดการ "แพ็คเกจเอกสาร Jure Sanguinis" ทั้งหมดนี้ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา, ประสานงานนักแปล, และเดินเรื่อง Legalization ทุกขั้นตอน
อิตาลีเป็นสมาชิกอนุสัญญาเฮก: ทำไมคนไทยยังต้องทำ Legalization?
ข้อเท็จจริงสำคัญ: ไทยไม่ได้เป็นสมาชิกอนุสัญญาเฮก
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า Apostille (อะโพสทิล) ซึ่งเป็นตราประทับที่ทำให้เอกสารจากประเทศสมาชิกหนึ่ง (เช่น อิตาลี, สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส) สามารถนำไปใช้ในประเทศสมาชิกอื่นได้ทันที
แต่ประเทศไทย 'ไม่ได้เป็น' สมาชิกอนุสัญญาเฮก (Hague Apostille Convention)
ดังนั้น: ประเทศไทยไม่สามารถออกตรา Apostille ได้ และ อิตาลีไม่ยอมรับเอกสารไทยที่มีแค่ตราประทับ Notary หรือ กงสุลไทย เท่านั้น
กระบวนการที่เทียบเท่า Apostille สำหรับเอกสารไทย
เมื่อ Apostille ใช้ไม่ได้ กระบวนการที่เราต้องใช้เรียกว่า "Legalization" (นิติกรณ์กรรม หรือ การรับรองเอกสาร) ซึ่งเป็นกระบวนการ "ยืนยันลายเซ็นต่อกันเป็นทอดๆ" (Chain of Authentication) เพื่อให้เอกสารไทยเป็นที่ยอมรับในอิตาลี
นี่คือสาเหตุที่กระบวนการนี้ยุ่งยากและมีหลายขั้นตอน เพราะต้องมีการ "ตรวจสอบ" และ "รับรอง" ลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ในทอดก่อนหน้า โดยสถานทูตอิตาลีจะเป็นผู้รับรองลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลไทยเป็นทอดสุดท้าย
ลำดับขั้นตอนการรับรองเอกสารไทยเพื่อใช้ในอิตาลี (ฉบับละเอียด)
นี่คือลำดับขั้นตอนที่ถูกต้อง 100% ที่คุณต้องปฏิบัติตาม (ห้ามข้ามขั้นตอน) สำหรับเอกสารราชการไทย (เช่น ใบเกิด, ทะเบียนสมรส) ที่จะนำไปใช้ในอิตาลี:
-
ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบและคัดเอกสารฉบับล่าสุด
ติดต่อสำนักงานเขตหรืออำเภอ เพื่อคัดเอกสารฉบับจริง (เช่น สูติบัตร, ทะเบียนสมรส, ทะเบียนบ้าน) ตรวจสอบว่าเอกสารที่คัดออกมามีลายเซ็น "นายทะเบียน" หรือ "เจ้าหน้าที่" ชัดเจน และเอกสารควรมีอายุไม่เกิน 3-6 เดือนนับจากวันที่ออก
-
ขั้นตอนที่ 2: แปลเป็นภาษาอิตาลี
นำเอกสารตัวจริงไปแปลเป็นภาษาอิตาลี ต้องแปลโดยนักแปลที่สถานทูตอิตาลียอมรับ หรือนักแปลมืออาชีพที่เชี่ยวชาญศัพท์กฎหมายและรูปแบบราชการอิตาลี การแปลผิดพลาดแม้แต่คำเดียวอาจทำให้เอกสารถูกปฏิเสธ (บริการของ NYC Plus ใช้เครือข่ายนักแปลที่ได้มาตรฐานนี้)
-
ขั้นตอนที่ 3: รับรองนิติกรณ์ กรมการกงสุล (MFA)
นำเอกสารตัวจริง (ภาษาไทย) และ เอกสารฉบับแปล (ภาษาอิตาลี) ไปยื่นที่ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ถนนแจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารราชการไทย และรับรองลายมือชื่อของนักแปล (หากนักแปลขึ้นทะเบียนไว้) ผลลัพธ์คือตราประทับของกรมการกงสุลบนด้านหลังของเอกสารแปล
-
ขั้นตอนที่ 4: รับรองที่สถานทูตอิตาลี (Embassy Legalization)
นำเอกสารทั้งหมดที่ผ่านการรับรองจากกรมการกงสุลไทยในขั้นตอนที่ 3 แล้ว ไปยื่นที่แผนกกงสุล สถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย (หรือศูนย์ยื่นที่ได้รับมอบหมาย เช่น VFS) เจ้าหน้าที่กงสุลอิตาลีจะประทับตรารับรองทับบนตราของกงสุลไทยอีกครั้ง เป็นการยืนยันว่าเอกสารนี้ผ่านการตรวจสอบและพร้อมใช้ในอิตาลีแล้ว
กรณีเอกสารส่วนตัว (เช่น หนังสือมอบอำนาจ - Procura)
หากเป็นเอกสารส่วนตัวที่ร่างขึ้นเอง ลำดับจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย:
ร่างเอกสาร (2 ภาษา) -> ลงนามต่อหน้า Notary Public (NYC Plus) -> รับรองลายมือชื่อ Notary ที่กรมการกงสุล -> รับรองที่สถานทูตอิตาลี
กระบวนการเหล่านี้ซับซ้อนและใช้เวลา NYC Plus มีบริการดำเนินการแทนทั้งหมด (One-Stop Service) เพื่อความสะดวกและแม่นยำสูงสุด
Checklist สำหรับการยื่นขอวีซ่าพำนัก (Elective Residency Visa)
รายการนี้เป็นแนวทางเบื้องต้น โปรดตรวจสอบกับสถานทูตอิตาลีเพื่อข้อมูลล่าสุดอีกครั้ง:
- แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า (Type D) ที่กรอกครบถ้วน
- รูปถ่ายสี ขนาดพาสปอร์ต พื้นหลังขาว
- หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริง พร้อมสำเนา (ต้องมีอายุเหลือเพียงพอ)
- หลักฐานรายได้เชิงรับ (Passive Income) (ขั้นต่ำ ~31,000 ยูโร/ปี) เช่น
- เอกสารรับรองเงินบำนาญ
- สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ (แปลและรับรอง Notary)
- เอกสารการลงทุน/เงินปันผล (แปลและรับรอง Notary)
- หลักฐานที่พักในอิตาลี (สัญญาซื้อขาย หรือ สัญญาเช่าระยะยาวที่ลงทะเบียนแล้ว)
- ประกันสุขภาพ ที่ครอบคลุมในอิตาลีและกลุ่มเชงเก้น (วงเงินสูง)
- หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม (แปลอิตาลี และผ่าน Legalization)
- (สำหรับผู้ติดตาม) ทะเบียนสมรส / สูติบัตร (แปลอิตาลี และผ่าน Legalization)
- จดหมายอธิบายเหตุผล (Motivation Letter) อธิบายว่าทำไมถึงเลือกไปพำนักที่อิตาลี
ค่าบริการสำหรับเอกสารที่ใช้ในอิตาลี
ค่าใช้จ่ายในการเตรียมเอกสารสำหรับอิตาลีมักจะสูงกว่าประเทศอื่นเล็กน้อย เนื่องจากความจำเป็นในการแปลเป็นภาษาอิตาลีและการรับรองหลายขั้นตอน
- ค่าบริการแปลภาษาอิตาลี: โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 800 - 1,500 บาท ต่อหน้า (ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน) เนื่องจากเป็นภาษาเฉพาะทางและต้องใช้นักแปลที่เชี่ยวชาญ
- ค่าบริการรับรอง Notary Public: ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท (สำหรับรับรองลายมือชื่อใน Procura หรือ Affidavit)
- ค่าธรรมเนียมราชการ:
- ค่าธรรมเนียมรับรองกงสุล (กระทรวงการต่างประเทศ)
- ค่าธรรมเนียมรับรองสถานทูตอิตาลี (โปรดตรวจสอบอัตราปัจจุบันกับสถานทูต)
- ค่าบริการดำเนินงาน (Service Fee): NYC Plus มีบริการเหมาจ่ายในการเดินเรื่องเอกสารทั้งหมด (แปล, Notary, ยื่นกงสุล, ยื่นสถานทูต) เพื่อความสะดวกสบายของท่าน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เอกสารไทยต้องใช้ Apostille หรือ Legalization สำหรับประเทศอิตาลี?
คำตอบคือ ต้องใช้กระบวนการ Legalization เต็มรูปแบบครับ แม้ว่าอิตาลีจะเป็นสมาชิกอนุสัญญาเฮก (Hague Convention) ซึ่งยอมรับตรา Apostille แต่ประเทศไทย 'ไม่ได้เป็น' สมาชิกอนุสัญญาดังกล่าว ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่สามารถออกตรา Apostille ได้ เอกสารไทยจึงต้องผ่านกระบวนการรับรองเต็มรูปแบบ คือ: 1. แปลเป็นภาษาอิตาลี 2. รับรองที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 3. ยื่นรับรองที่สถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย ครับ
การขอสัญชาติอิตาลีโดยสายเลือด (Jure Sanguinis) ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
กระบวนการ Jure Sanguinis ต้องใช้เอกสารเพื่อ 'พิสูจน์สายเลือด' ที่ไม่ขาดตอนจากบรรพบุรุษชาวอิตาลีมาถึงตัวคุณ เอกสารหลักๆ จากฝั่งไทยที่ต้องเตรียม (และผ่านการแปล + Legalization ทุกขั้นตอน) ได้แก่: สูติบัตร, ทะเบียนสมรส, (ถ้ามี) ทะเบียนหย่า, และใบมรณบัตร (ถ้ามี) ของบรรพบุรุษทุกคนในสายนั้น รวมถึงเอกสารฝั่งอิตาลีที่ยืนยันว่าบรรพบุรุษของคุณไม่ได้สละสัญชาติก่อนที่คุณจะเกิด
วีซ่าพำนัก (Elective Residency Visa) ของอิตาลี เหมาะกับใคร?
วีซ่าประเภทนี้ (Visto Nazionale per Residenza Elettiva - Type D) เหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายไปพำนักในอิตาลี 'โดยไม่ต้องทำงาน' (ห้ามทำงาน) โดยต้องพิสูจน์ได้ว่ามีรายได้เชิงรับ (Passive Income) ที่เพียงพอและต่อเนื่อง เช่น รายได้จากเงินบำนาญ, ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์, หรือเงินปันผล โดยทั่วไปสถานทูตกำหนดรายได้ขั้นต่ำประมาณ 31,000 ยูโร/ปี สำหรับผู้สมัคร 1 คน
จำเป็นต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอิตาลี หรือใช้ภาษาอังกฤษได้?
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแปลเป็นภาษาอิตาลีครับ แม้ว่าบางหน่วยงานอาจรับเอกสารภาษาอังกฤษ แต่สำหรับเอกสารราชการที่จะใช้ยื่นต่อหน่วยงานในอิตาลี (เช่น เทศบาล (Comune) หรือสำนักงานสัญชาติ) หรือยื่นต่อสถานทูตอิตาลีเพื่อขอวีซ่าประเภท D หรือสัญชาติ การแปลเป็นภาษาอิตาลีถือเป็นข้อบังคับ นอกจากนี้ สถานทูตมักกำหนดให้การแปลต้องทำโดยนักแปลที่สถานทูตยอมรับ (Recognized Translator) เท่านั้น
NYC Plus ช่วยดำเนินการที่สถานทูตอิตาลีให้ได้เลยหรือไม่?
NYC Plus สามารถให้บริการช่วยเหลือ 'ครบวงจร' ในกระบวนการเตรียมเอกสาร ซึ่งรวมถึง: 1. การให้คำปรึกษา Checklist เอกสาร 2. บริการแปลเป็นภาษาอิตาลีโดยนักแปลที่ได้มาตรฐาน 3. บริการ Notary Public (หากจำเป็น) 4. บริการยื่นรับรองเอกสารที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 5. บริการยื่นรับรองเอกสารที่สถานทูตอิตาลี (Legalization) เราสามารถจัดการขั้นตอนที่ซับซ้อนเหล่านี้แทนคุณได้ครับ
ลิงก์ที่เป็นประโยชน์ (Useful Links)
- สถานเอกอัครราชทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย: (โปรดตรวจสอบเว็บไซต์ทางการสำหรับข้อมูลล่าสุด)
- ศูนย์ยื่นคำร้องวีซ่าอิตาลี (VFS Global - Italy): (โปรดตรวจสอบเว็บไซต์ทางการสำหรับประเภทวีซ่าและ Checklist)
- กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (รับรองนิติกรณ์): (ตรวจสอบเวลาทำการและอัตราค่าธรรมเนียม)
ความสำคัญของการแปลเป็นภาษาอิตาลีโดยนักแปลที่ได้รับการยอมรับ
ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว การแปลเอกสารสำหรับอิตาลีมีความเข้มงวดสูงมาก สถานทูตอิตาลีสงวนสิทธิ์ในการยอมรับเอกสารที่แปลโดยนักแปลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้น (บางครั้งเรียกว่า "นักแปลที่ได้รับการรับรองจากสถานทูต" หรือ "Recognized Translators")
การใช้บริการแปลทั่วไปหรือแปลด้วยตนเองมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกปฏิเสธเนื่องจาก:
- การใช้ศัพท์เฉพาะ (Terminology): คำศัพท์ทางกฎหมายและราชการ (เช่น "นายทะเบียน", "สูติบัตร", "รับรองสำเนาถูกต้อง") ต้องแปลให้ตรงกับคำศัพท์ที่ระบบกฎหมายอิตาลียอมรับ
- รูปแบบ (Formatting): การแปลต้องมีรูปแบบที่สอดคล้องกับเอกสารต้นฉบับ
- การรับรองคำแปล: นักแปลที่ได้รับการยอมรับจะสามารถลงนามรับรองคำแปลของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมการกงสุลและสถานทูตใช้ในการอ้างอิงเพื่อรับรองต่อไป
NYC Plus ทำงานร่วมกับเครือข่ายนักแปลภาษาอิตาลีมืออาชีพที่เข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้เป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจได้ว่าเอกสารแปลของคุณจะผ่านการตรวจสอบในทุกขั้นตอน
การรับรองเอกสารสมรสและครอบครัว (Marriage & Family)
เอกสารกลุ่มนี้เป็นเอกสารที่ถูกร้องขอบ่อยที่สุดสำหรับประเทศอิตาลี โดยเฉพาะในบริบทของการขอวีซ่าติดตามครอบครัว, การยื่นขอสัญชาติ Jure Sanguinis, หรือการจดทะเบียนสมรสในอิตาลี
เอกสารสำคัญ ได้แก่:
- ทะเบียนสมรส (Certificato di Matrimonio): ต้องแปลและ Legalize เพื่อยืนยันสถานะสมรส
- สูติบัตร (Certificato di Nascita): เพื่อยืนยันความสัมพันธ์พ่อ-แม่-ลูก หรือเพื่อพิสูจน์สายเลือดสำหรับ Jure Sanguinis
- ใบรับรองโสด (Certificato di Stato Libero): หากคุณต้องการไปจดทะเบียนสมรสที่อิตาลี ต้องใช้เอกสารนี้จากไทย (แปลและ Legalize) เพื่อยืนยันว่าคุณมีสถานะโสด
- ทะเบียนการหย่า (Certificato di Divorzio): หากเคยสมรสมาก่อน ต้องใช้เอกสารนี้เพื่อยืนยันว่าการสมรสครั้งก่อนสิ้นสุดลงแล้ว
การจัดการเอกสารครอบครัวต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูงสุด เพราะชื่อและนามสกุลในเอกสารแต่ละฉบับต้องตรงกันทั้งหมด (หากไม่ตรง ต้องทำ Affidavit of One and the Same Person เพิ่มเติม) ทีมงานของเราพร้อมให้คำปรึกษาและจัดการเอกสารที่ซับซ้อนเหล่านี้ให้คุณ
ปรึกษาเราเรื่องเอกสารสำหรับประเทศอิตาลี
ไม่ว่าจะเป็นวีซ่าเกษียณอายุ, การตามหาสัญชาติบรรพบุรุษ, หรือการซื้ออสังหาริมทรัพย์
ให้ NYC Plus ช่วยจัดการกระบวนการแปลและรับรองเอกสารที่ซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย
Call Center: 081-5620444, 083-2494999
Email: [email protected] | Line ID: @NYCLI
นัดหมายปรึกษาออนไลน์