กรณีศึกษา: เมื่อมรดกอยู่กระจัดกระจายใน 3 ทวีป
เจาะลึกการจัดการเอกสาร Notary & Legalization ที่ซับซ้อนข้ามพรมแดน (ไทย - สหรัฐฯ - สวิตเซอร์แลนด์)
การจัดการมรดกเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และจะซับซ้อนทวีคูณเมื่อทรัพย์สินและทายาทอยู่กันคนละประเทศ
อ่านกรณีศึกษาจริงที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญของเราในการเปลี่ยนเรื่องซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย
"The Challenge"
ปัญหา: มรดก 3 ทวีป และทายาทที่กระจัดกระจาย
เราได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการมรดกท่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ให้ช่วยจัดการปัญหาที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง
สถานการณ์: ผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ (Expat) สัญชาติสวิส-อเมริกัน ซึ่งพำนักและเสียชีวิตในประเทศไทย โดยได้แต่งตั้งให้เพื่อนสนิท (ชาวไทย) เป็นผู้จัดการมรดก (Executor) ตามพินัยกรรมที่ทำขึ้นในไทย
ทรัพย์สิน (Assets):
- อสังหาริมทรัพย์ (คอนโดมิเนียม) และบัญชีธนาคารหลายแห่งใน ประเทศไทย
- พอร์ตการลงทุน (หุ้น) กับโบรกเกอร์ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
- บัญชีธนาคารส่วนตัว (Private Bank Account) ในซูริก สวิตเซอร์แลนด์
ทายาท (Heirs):
- ทายาทกลุ่มที่ 1 อาศัยอยู่ใน ประเทศไทย
- ทายาทกลุ่มที่ 2 อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
- ทายาทกลุ่มที่ 3 อาศัยอยู่ใน ประเทศฝรั่งเศส
โจทย์หลัก: ผู้จัดการมรดกในไทย จะทำอย่างไรให้มีอำนาจตามกฎหมายในการรวบรวมทรัพย์สินทั้ง 3 ประเทศ และจะทำอย่างไรให้ทายาทในต่างแดนสามารถลงนามในเอกสารสละสิทธิ์หรือมอบอำนาจ (POA) เพื่อส่งกลับมาใช้ในไทยได้อย่างถูกต้อง?
"The Complexity"
ความซับซ้อน: กฎหมาย 3 ระบบ และกระบวนการ Legalization ที่ไม่เหมือนกัน
นี่ไม่ใช่แค่การรับรองเอกสารทั่วไป แต่คือการวางกลยุทธ์ทางเอกสารระหว่างประเทศ
⚠️ 1. กฎหมายและภาษาที่แตกต่างกัน
แต่ละประเทศมีระบบกฎหมายของตนเอง: ไทย (Civil Law), สหรัฐอเมริกา (Common Law), และ สวิตเซอร์แลนด์ (Civil Law) ซึ่งหมายความว่า "คำสั่งศาล" หรือ "พินัยกรรม" จากประเทศหนึ่ง ไม่สามารถนำไปบังคับใช้ในอีกประเทศหนึ่งได้ทันที นอกจากนี้ สวิตเซอร์แลนด์ยังมีภาษาทางการหลายภาษา (เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี) ซึ่งอาจต้องการคำแปลที่เฉพาะเจาะจง
⚠️ 2. ปัญหา "Apostille" และ "Legalization"
สหรัฐฯ และ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาคี "อนุสัญญากรุงเฮก (Hague Apostille Convention)" ซึ่งทำให้การรับรองเอกสารระหว่างประเทศสมาชิกง่ายขึ้น (เรียกว่าการทำ Apostille)
แต่... ประเทศไทยยังไม่ได้เป็นภาคีอนุสัญญา Apostille
นั่นหมายความว่า:
- เอกสารไทย (เช่น มรณบัตร, คำสั่งศาล) ที่จะไปใช้ในสหรัฐฯ/สวิสฯ: ต้องผ่านกระบวนการ "Legalization" เต็มรูปแบบ คือ (1) Notary (ถ้าจำเป็น) → (2) กรมการกงสุลไทย → (3) สถานทูตสหรัฐฯ หรือ สถานทูตสวิสฯ ในไทย
- เอกสารจากสหรัฐฯ (เช่น POA ทายาท) ที่จะมาใช้ในไทย: ต้องผ่านกระบวนการ "Legalization" ย้อนกลับ คือ (1) Notary ในสหรัฐฯ → (2) รับรองโดย County/State → (3) สถานทูตไทยในสหรัฐฯ (ไม่ใช่ Apostille)
ความสับสนในกระบวนการนี้ (เช่น การทำ Apostille มาเพื่อใช้ในไทย ซึ่งไทยไม่ยอมรับ) เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและทำให้เสียเวลามาก
⚠️ 3. การรวบรวมเอกสารจากทายาทที่อยู่คนละประเทศ
การให้ทายาท 3 กลุ่มใน 3 ประเทศ (ไทย, สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส) ลงนามในหนังสือมอบอำนาจ (POA) หรือเอกสารสละสิทธิ์รับมรดก (Deed of Renunciation) เพื่อให้ผู้จัดการมรดกในไทยดำเนินการได้อย่างราบรื่น ต้องมั่นใจว่า POA ทุกฉบับทำถูกต้องตามกฎหมายของประเทศที่ทายาทอยู่ และต้องผ่านการ Legalization ที่สถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ กลับมาด้วย
"Our Strategy"
แผนการดำเนินงานของเรา: การสร้าง "แผนที่เอกสาร" (Document Map)
เราไม่ทำเอกสารทีละชิ้น แต่เราวางแผนกลยุทธ์ทั้งหมดให้จบในครั้งเดียว
สร้าง "แผนที่เอกสาร" (Document Map)
เราระบุเอกสารต้นทาง (Source Documents) ที่จำเป็นทั้งหมด (มรณบัตรไทย, คำสั่งศาลไทยตั้งผู้จัดการมรดก, พินัยกรรม) และวางแผนการเดินทางของเอกสารแต่ละชุดว่าจะต้องส่งไปที่ไหน (สหรัฐฯ, สวิสฯ) และต้องรับเอกสารอะไรกลับมา (POA จากสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส) และแต่ละเส้นทางต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง
จัดการเอกสารต้นทางในไทย (Thailand Hub)
- ดำเนินการแปลเอกสารสำคัญ (มรณบัตร, คำสั่งศาล ฯลฯ) เป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการ (และเตรียมแปลเป็นเยอรมัน/ฝรั่งเศสสำหรับสวิสฯ)
- ให้ทนายความ Notary Public ของเรารับรองคำแปล (Certified Translation) และรับรองสำเนาเอกสารราชการ
- ดำเนินการรับรองเอกสารทั้งหมดที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (Authentication) โดยเตรียมชุดเอกสารแยกสำหรับแต่ละประเทศปลายทาง
ดำเนินการแบบคู่ขนาน (Parallel Processing)
เพื่อประหยัดเวลา เราไม่รอทำทีละประเทศ:
- (เส้นทาง A): ส่งเอกสารชุดที่ 1 (ที่ผ่านกงสุลไทย) ไปยัง สถานทูตสหรัฐอเมริกา ในไทย เพื่อ Legalize สำหรับใช้ในสหรัฐฯ
- (เส้นทาง B): ส่งเอกสารชุดที่ 2 (ที่ผ่านกงสุลไทย) ไปยัง สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ ในไทย เพื่อ Legalize สำหรับใช้ในสวิสฯ
- (เส้นทาง C & D): ประสานงานกับทายาทในสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ส่งร่าง POA ที่ถูกต้องให้ และแนะนำขั้นตอนการรับรอง Notary และ Legalization ที่ สถานทูตไทย ในประเทศนั้นๆ เพื่อส่งกลับมาไทย
รวบรวมและส่งมอบ (Collection & Delivery)
เมื่อเอกสารทุกชุดจากทุกเส้นทางเสร็จสิ้น เราได้รวบรวมและตรวจสอบความถูกต้องของตราประทับทั้งหมด (จากสถานทูตสหรัฐฯ, สถานทูตสวิสฯ, และสถานทูตไทยในต่างประเทศ) ก่อนส่งมอบชุดเอกสารที่สมบูรณ์ให้ผู้จัดการมรดก
□ ผลลัพธ์ (The Result): จัดการทุกอย่างจบในที่เดียว
ภายในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ผู้จัดการมรดกได้รับชุดเอกสารที่พร้อมใช้งานสำหรับทุกประเทศ ทำให้สามารถเริ่มกระบวนการจัดการมรดกในส่วนที่เหลือได้อย่างราบรื่น:
- เอกสารสำหรับสหรัฐอเมริกา: มรณบัตรและคำสั่งศาลที่ Legalized โดยสถานทูตสหรัฐฯ ถูกส่งไปยื่นต่อโบรกเกอร์ในนิวยอร์กได้ทันที
- เอกสารสำหรับสวิตเซอร์แลนด์: เอกสารชุดเดียวกันที่ Legalized โดยสถานทูตสวิสฯ ถูกส่งไปยื่นต่อธนาคารในซูริก
- เอกสารสำหรับประเทศไทย: หนังสือมอบอำนาจ (POA) จากทายาทในสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ที่ผ่านการ Legalize จากสถานทูตไทย ถูกนำไปใช้ยื่นต่อกรมที่ดินและธนาคารในไทยได้สำเร็จ
บทสรุป: ความเชี่ยวชาญในการวางแผน "Document Map" และการประสานงานกระบวนการ Legalization ที่ซับซ้อนของ NYC Plus ได้เปลี่ยนปัญหาที่ยุ่งยากข้ามทวีป ให้กลายเป็นกระบวนการที่ชัดเจนและจัดการได้จริง
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการจัดการมรดกข้ามพรมแดน
คือสถานการณ์ที่ผู้เสียชีวิตมีทรัพย์สิน (เช่น บ้าน, บัญชีธนาคาร, หุ้น) ตั้งอยู่ในหลายประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีกฎหมายมรดกและกฎหมายภาษีที่แตกต่างกัน ทำให้การรวบรวมและแบ่งปันทรัพย์สินมีความซับซ้อนสูง และต้องใช้เอกสารที่ผ่านการรับรองทางกฎหมาย (Notarization & Legalization) ที่ถูกต้องสำหรับแต่ละประเทศ
เพราะหน่วยงานในต่างประเทศไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารราชการไทยได้โดยตรง เอกสารจะต้องผ่านกระบวนการ 'รับรอง (Legalization)' ก่อน โดยเริ่มจาก 1. นำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ/ภาษาที่สาม 2. รับรองคำแปลโดย Notary Public 3. รับรองโดยกรมการกงสุลไทย และ 4. รับรองโดยสถานทูตของประเทศปลายทาง (เช่น สถานทูตสหรัฐฯ หรือ สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์) ในไทย เพื่อยืนยันว่าเอกสารนี้เป็นของจริง
Apostille คือการรับรองเอกสารแบบพิเศษตามอนุสัญญากรุงเฮก (Hague Apostille Convention) ซึ่งประเทศสมาชิกจะยอมรับเอกสารระหว่างกันได้ง่ายขึ้น สหรัฐฯ และ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นสมาชิก แต่ 'ประเทศไทยยังไม่ได้เป็นภาคีสมาชิก' ดังนั้น เอกสารจากไทยจึงไม่สามารถขอ Apostille ได้ และต้องใช้วิธี 'Legalization' แบบดั้งเดิม (ผ่านสถานทูต) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนกว่า
คือแผนผังกลยุทธ์ที่เราวางแผนให้ลูกค้าก่อนเริ่มงาน โดยจะระบุว่า 1. เอกสารต้นทาง (เช่น มรณบัตรไทย) ต้องไปที่ไหนบ้าง 2. ปลายทางแต่ละประเทศ (เช่น สหรัฐฯ, สวิสฯ) ต้องการเอกสารอะไรบ้าง 3. แต่ละเส้นทางต้องผ่านขั้นตอนการรับรอง (Notary, กงสุล, สถานทูต) อย่างไร และ 4. เอกสารใดที่สามารถทำพร้อมกันได้ (Parallel Processing) เพื่อประหยัดเวลาที่สุด
ทายาทในสหรัฐฯ ต้อง 1. ร่าง POA (อาจให้ทนายไทยหรือ NYC Plus ร่างให้) 2. นำ POA ไปลงนามต่อหน้า Notary Public ในรัฐที่ตนเองอยู่ 3. นำเอกสารนั้นไปผ่านกระบวนการรับรองของรัฐ (เช่น County Clerk/Secretary of State) 4. ขั้นตอนสุดท้าย คือนำไปรับรอง (Legalize) ที่ 'สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในสหรัฐอเมริกา' เมื่อผ่านสถานทูตไทยแล้ว จึงจะสามารถส่งเอกสารต้นฉบับกลับมาใช้ในประเทศไทยได้
ไม่ได้ครับ ต้องนำคำสั่งศาลนั้น (พร้อมคำแปล) ไปผ่านกระบวนการ Legalization เต็มรูปแบบ (Notary (ถ้าจำเป็น) -> กงสุลไทย -> สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์) ก่อน ธนาคารในสวิสฯ จึงจะยอมรับอำนาจของผู้จัดการมรดกท่านนี้
บทบาทหลักของ Notary คือการ 'รับรองเอกสาร' (Notarization) และ 'บริหารจัดการกระบวนการรับรอง' (Legalization Management) เพื่อให้เอกสารของคุณใช้ได้ในทุกประเทศ ส่วนการดำเนินการ 'จัดการมรดก' จริงๆ (เช่น การยื่นคำร้องต่อศาล, การติดต่อธนาคาร/โอนทรัพย์สิน) จะต้องทำโดย 'ผู้จัดการมรดก' (Executor) หรือทนายความด้านมรดก (Probate Lawyer) ซึ่งเราสามารถทำงานร่วมกับทนายความของคุณ หรือแนะนำทนายความผู้เชี่ยวชาญให้ได้
ง่ายขึ้นในแง่ของการระบุเจตนาและตัวทายาท แต่ 'กระบวนการรับรองเอกสาร' ยังคงต้องทำเหมือนเดิม พินัยกรรมที่ทำในไทย (แม้จะรับรอง Notary แล้ว) ก็ต้องนำไป Legalize เพื่อใช้ในสหรัฐฯ หรือสวิสฯ และในทางกลับกัน พินัยกรรมที่ทำในต่างประเทศ ก็ต้อง Legalize กลับมาเพื่อใช้ในไทย
จะยุ่งยากในขั้นตอนการ 'พิสูจน์ทายาท' ครับ ผู้จัดการมรดกจะต้องรวบรวมเอกสารแสดงความสัมพันธ์ทางครอบครัวทั้งหมด (เช่น ทะเบียนสมรส, สูติบัตรของบุตรทุกคน) และเอกสารเหล่านี้ก็ต้องถูกนำไปแปลและ Legalization สำหรับทุกประเทศที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ทำให้มีจำนวนเอกสารที่ต้องจัดการมากขึ้น
ค่าธรรมเนียมสถานทูตสำหรับเอกสารทางกฎหมายและการค้ามักมีราคาสูง และอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นค่าธรรมเนียมที่สถานทูตเรียกเก็บโดยตรง NYC Plus จะแจ้งอัตราค่าธรรมเนียมล่าสุดให้ท่านทราบในใบเสนอราคา
เคสที่ซับซ้อนระดับ 3 ประเทศเช่นนี้ อาจใช้เวลาหลายเดือน (3-6 เดือน) หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความเร็วในการออกเอกสารของศาล, ระยะเวลาของแต่ละสถานทูต, และความเร็วในการดำเนินการของทายาทในต่างประเทศ การวางแผน 'Document Map' ที่ดีจะช่วยให้เราทำหลายขั้นตอนไปพร้อมกัน (Parallel) และประหยัดเวลาได้มากที่สุด
เอกสารที่ออกโดยสวิตเซอร์แลนด์ (เช่น POA ที่ทายาททำที่นั่น) หากเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส หรืออิตาลี จะต้อง 1. ผ่านการรับรองจากทางการสวิสฯ 2. Legalize โดยสถานทูตไทยในสวิตเซอร์แลนด์ 3. เมื่อมาถึงไทย ต้องนำมา 'แปลเป็นภาษาไทย' และรับรองคำแปลโดยกรมการกงสุลไทย จึงจะใช้ยื่นต่อหน่วยงานราชการไทยได้ (NYC Plus มีบริการแปลทุกภาษาเหล่านี้ครับ)
ได้ครับ Notary สามารถทำหน้าที่เป็นพยานและรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมได้ (Notarizing the signature) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับพินัยกรรม แต่ Notary ไม่สามารถ 'รับรองความถูกต้องตามกฎหมาย' (Validate the legal content) ของพินัยกรรมได้ การร่างพินัยกรรมควรทำโดยทนายความด้านมรดกโดยตรง
เพราะเอกสารบางฉบับต้องใช้ร่วมกัน การทำทีละประเทศจะใช้เวลานานมาก (Serial Process) เช่น หากรอให้จบเคสที่สหรัฐฯ ก่อน แล้วค่อยเริ่มเคสที่สวิสฯ อาจใช้เวลาเป็นปี การวางแผน Document Map ช่วยให้เราทราบว่าเอกสารต้นฉบับ (เช่น มรณบัตร) ต้องสำเนาและรับรองกี่ชุด เพื่อส่งไปดำเนินการในทุกประเทศ 'พร้อมกัน' (Parallel Process)
สำหรับเคสที่ซับซ้อนข้ามหลายประเทศเช่นนี้ เราจะไม่ได้คิดค่าบริการ Notary เป็นรายฉบับ แต่จะประเมินเป็น 'ค่าบริการจัดการแบบเหมาจ่าย' (Package Service Fee) ซึ่งจะรวมค่าที่ปรึกษา, ค่าดำเนินการ Notary, ค่าแปล (ถ้ามี), และค่าประสานงาน Legalization ทั้งหมด โดยไม่รวมค่าธรรมเนียมที่จ่ายจริงให้สถานทูตต่างๆ กรุณาติดต่อเราเพื่อประเมินเคสของคุณครับ
Notary ไม่ได้รับรอง 'มูลค่า' ของหุ้น แต่เรารับรอง 'เอกสาร' ที่ใช้ในการโอนหุ้นหรือปิดบัญชี เช่น รับรองลายมือชื่อใน 'หนังสือมอบอำนาจ (POA)' ให้โบรกเกอร์จัดการพอร์ต, รับรอง 'คำให้การ (Affidavit)' ของผู้จัดการมรดก, หรือรับรอง 'สำเนาคำสั่งศาล' เพื่อให้ธนาคาร/โบรกเกอร์ในต่างประเทศยอมรับ
นี่คือความซับซ้อนของกฎหมายขัดกัน (Conflict of Laws) โดยทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ (เช่น ที่ดิน, บ้าน) จะใช้กฎหมายของประเทศที่ทรัพย์สินนั้นตั้งอยู่ (เช่น ที่ดินในไทย ใช้กฎหมายไทย) ส่วนสังหาริมทรัพย์ (เช่น เงินในธนาคาร, หุ้น) อาจใช้กฎหมายตามภูมิลำเนาของผู้ตาย (เช่น กฎหมายอเมริกัน) การดำเนินการจึงต้องทำเอกสารให้สอดคล้องกับกฎหมายของ 'ทุก' ประเทศที่เกี่ยวข้อง
Notary ไม่สามารถบังคับให้ใครลงนามได้ หากทายาทไม่ยินยอม ผู้จัดการมรดกอาจต้องดำเนินการทางศาลในประเทศนั้นๆ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนนั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน การมี Notary ที่เป็นกลางช่วยยืนยันการลงนามของทายาทที่ให้ความร่วมมือ จะช่วยให้กระบวนการส่วนที่เหลือเดินหน้าได้
เรารับประกันว่า 'กระบวนการรับรองเอกสาร (Notarization & Legalization)' ที่เราทำนั้นถูกต้องตามขั้นตอนสากลและข้อกำหนดของสถานทูต 100% ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดที่ธนาคารและหน่วยงานต่างประเทศยอมรับ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแต่ละแห่ง (โดยเฉพาะในสวิสฯ) อาจมีนโยบายภายในหรือขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเราจะช่วยประสานงานและจัดเตรียมให้ท่านอย่างใกล้ชิด
เพราะเรามีประสบการณ์กว่า 15 ปีในการจัดการเคสที่ซับซ้อนข้ามพรมแดน เราไม่ใช่แค่รับรองลายเซ็น แต่เราเข้าใจ 'กระบวนการทั้งหมด' ตั้งแต่ต้นจนจบ เรามีทีมทนายความ Notary และนักแปลมืออาชีพที่พร้อมวางแผน 'Document Map' และประสานงาน Legalization ในหลายประเทศพร้อมกัน ช่วยประหยัดเวลา ลดความผิดพลาด และทำให้กระบวนการที่น่าปวดหัวนี้ง่ายขึ้นสำหรับท่าน
เครือข่ายบริการทั่วประเทศ
พร้อมให้บริการ Notary Public และ Legalization ในทุกพื้นที่
□ สำนักงานใหญ่ (ลาดพร้าว 95)
61 ซอยลาดพร้าว 95, แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์, เขตวังทองหลาง, กรุงเทพมหานคร 10310
(จันทร์-ศุกร์ 09:00-18:00)
□️ สาขาขอนแก่น
95 โครงการเดอะวอลล์ ถ.รื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000
□️ สาขาอุดรธานี
31/43 ถ.ศรีชมชื่น ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี 41000
รายชื่อ 50 เขตในกรุงเทพฯ และ 77 จังหวัด (เครือข่ายให้บริการ)
กรุงเทพมหานคร (50 เขต)
- เขตคลองเตย
- เขตคลองสาน
- เขตคลองสามวา
- เขตคันนายาว
- เขตจตุจักร
- เขตจอมทอง
- เขตดอนเมือง
- เขตดินแดง
- เขตดุสิต
- เขตตลิ่งชัน
- เขตทวีวัฒนา
- เขตทุ่งครุ
- เขตธนบุรี
- เขตบางกอกน้อย
- เขตบางกอกใหญ่
- เขตบางกะปิ
- เขตบางขุนเทียน
- เขตบางเขน
- เขตบางคอแหลม
- เขตบางแค
- เขตบางซื่อ
- เขตบางนา
- เขตบางบอน
- เขตบางพลัด
- เขตบางรัก
- เขตบึงกุ่ม
- เขตปทุมวัน
- เขตประเวศ
- เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
- เขตพญาไท
- เขตพระโขนง
- เขตพระนคร
- เขตภาษีเจริญ
- เขตมีนบุรี
- เขตยานนาวา
- เขตราชเทวี
- เขตราษฎร์บูรณะ
- เขตลาดกระบัง
- เขตลาดพร้าว
- เขตวังทองหลาง (สนง.ใหญ่)
- เขตวัฒนา
- เขตสวนหลวง
- เขตสะพานสูง
- เขตสัมพันธวงศ์
- เขตสาทร
- เขตสายไหม
- เขตหนองแขม
- เขตหนองจอก
- เขตหลักสี่
- เขตห้วยขวาง
ภาคกลาง
- กาญจนบุรี
- ชัยนาท
- นครนายก
- นครปฐม
- นนทบุรี
- ปทุมธานี
- ประจวบคีรีขันธ์
- พระนครศรีอยุธยา
- เพชรบุรี
- ราชบุรี
- ลพบุรี
- สมุทรปราการ
- สมุทรสงคราม
- สมุทรสาคร
- สระบุรี
- สิงห์บุรี
- สุพรรณบุรี
- อ่างทอง
ภาคตะวันออก
- จันทบุรี
- ฉะเชิงเทรา
- ชลบุรี
- ตราด
- ปราจีนบุรี
- ระยอง
- สระแก้ว
ภาคเหนือ
- เชียงราย
- เชียงใหม่
- ตาก
- น่าน
- พะเยา
- พิจิตร
- พิษณุโลก
- เพชรบูรณ์
- แพร่
- แม่ฮ่องสอน
- นครสวรรค์
- ลำปาง
- ลำพูน
- สุโขทัย
- อุตรดิตถ์
- อุทัยธานี
ภาคใต้
- กระบี่
- ชุมพร
- ตรัง
- นครศรีธรรมราช
- นราธิวาส
- ปัตตานี
- พังงา
- พัทลุง
- ภูเก็ต
- ยะลา
- ระนอง
- สงขลา
- สตูล
- สุราษฎร์ธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ขอนแก่น (สาขาหลัก)
- อุดรธานี (สาขาหลัก)
- ชัยภูมิ
- นครพนม
- นครราชสีมา
- บึงกาฬ
- บุรีรัมย์
- มหาสารคาม
- มุกดาหาร
- ยโสธร
- ร้อยเอ็ด
- เลย
- ศรีสะเกษ
- สกลนคร
- สุรินทร์
- หนองคาย
- หนองบัวลำภู
- อำนาจเจริญ
- อุบลราชธานี