เพิ่มพลังให้หลักฐาน E-Commerce ด้วย Notary Public (Answer-First)

บริการ Notary Public สำหรับข้อพิพาท E-Commerce คือ การใช้ทนายความผู้มีอำนาจรับรองเอกสาร (Notary Public) มาช่วย "เพิ่มความน่าเชื่อถือ" ให้กับหลักฐานที่คุณใช้ต่อสู้ในข้อพิพาททางการค้าออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี การปฏิเสธการชำระเงิน (Chargeback) บริการหลักคือ การจัดทำและรับรองคำให้การของผู้ขาย (Merchant's Affidavit) ซึ่งเป็นเอกสารที่คุณสาบานตนยืนยันข้อเท็จจริงและแนบหลักฐานต่างๆ (เช่น การสั่งซื้อ, การจัดส่ง) การมี Notary รับรองคำให้การและสำเนาหลักฐาน จะช่วยให้เอกสารของคุณมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อยื่นต่อธนาคารหรือแพลตฟอร์มชำระเงิน

NYC+ เชี่ยวชาญในการจัดทำและรับรองเอกสารเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ประกอบการ E-commerce ปกป้องสิทธิ์และลดความเสียหายจาก Chargeback ที่ไม่เป็นธรรม

ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ข้อพิพาททางการค้า" ที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง หนึ่งในปัญหาที่สร้างความปวดหัวและเสียหายให้กับผู้ขายออนไลน์มากที่สุดคือ การปฏิเสธการชำระเงิน หรือ Chargeback ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าแจ้งกับธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตว่าไม่ได้รับสินค้า/บริการ, สินค้ามีปัญหา, หรือไม่ได้ทำรายการนั้นๆ ทำให้ธนาคารดึงเงินคืนจากผู้ขายไปก่อน

แม้ว่าผู้ขายจะมีหลักฐาน เช่น ใบสั่งซื้อ หรือ Tracking Number แต่ในโลกออนไลน์ที่การยืนยันตัวตนทำได้ยาก หลักฐานเหล่านี้อาจมีน้ำหนักไม่เพียงพอในสายตาของธนาคารหรือแพลตฟอร์มชำระเงิน โดยเฉพาะเมื่อเป็นการทำธุรกรรมข้ามประเทศ นี่คือจุดที่ การรับรองเอกสารโดย Notary Public สามารถเข้ามาช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและน้ำหนักให้กับหลักฐานของคุณได้อย่างมาก

Chargeback: ฝันร้ายของผู้ขาย E-Commerce

Chargeback ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ขายสูญเสียรายได้จากสินค้านั้นๆ แต่ยังอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และหากมี Chargeback เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจส่งผลเสียต่อคะแนนความน่าเชื่อถือ (Merchant Score) ทำให้ถูกจำกัดการทำธุรกรรม หรืออาจถูกระงับบัญชีผู้ค้าได้ สาเหตุของ Chargeback มีหลากหลาย เช่น:

  • Fraudulent Chargeback: ลูกค้าอ้างว่าไม่ได้ทำรายการ ทั้งที่ทำจริง (Friendly Fraud) หรือบัตรถูกขโมยไปใช้ (True Fraud)
  • Item Not Received (INR): ลูกค้าอ้างว่าไม่ได้รับสินค้า
  • Significantly Not As Described (SNAD): สินค้าที่ได้รับแตกต่างจากที่โฆษณาไว้อย่างมาก
  • Technical Issues: เกิดข้อผิดพลาดในระบบชำระเงิน
  • Unauthorized Transaction: ลูกค้าอ้างว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำรายการ (พบบ่อยในกรณีสมาชิกในครอบครัวใช้บัตร)

เมื่อเกิด Chargeback ผู้ขายมีสิทธิ์ที่จะโต้แย้ง (Dispute) โดยการยื่นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าได้ดำเนินการซื้อขายอย่างถูกต้องและส่งมอบสินค้า/บริการเรียบร้อยแล้ว การมีหลักฐานที่ "น่าเชื่อถือ" และ "เป็นทางการ" จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มโอกาสชนะข้อพิพาท

Merchant's Affidavit: อาวุธสำคัญในการตอบโต้ Chargeback

Merchant's Affidavit (คำให้การของผู้ขาย) คือ เอกสารคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ที่ผู้ขาย (หรือผู้มีอำนาจของบริษัท) จัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกรรมที่เป็นข้อพิพาท โดยผู้ให้การจะต้อง สาบานตน (Swear or Affirm) ต่อหน้า Notary Public ว่าข้อความในเอกสารนั้นเป็นความจริงทุกประการ

ทำไม Merchant's Affidavit ที่รับรองโดย Notary จึงมีพลัง?

  • เพิ่มน้ำหนักทางกฎหมาย: การสาบานตนต่อหน้า Notary ทำให้คำให้การมีสถานะเป็น "คำสาบาน" ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าคำชี้แจงทั่วไป หากภายหลังพบว่าคำให้การเป็นเท็จ ผู้ให้การอาจมีความผิดฐานให้การเท็จได้
  • แสดงความจริงจังและน่าเชื่อถือ: การลงทุนจัดทำเอกสารที่เป็นทางการและผ่านการรับรองจากบุคคลที่สาม (Notary) แสดงให้ธนาคารหรือแพลตฟอร์มเห็นว่าผู้ขายมีความมั่นใจในข้อเท็จจริงและพร้อมที่จะยืนยันภายใต้คำสาบาน
  • รวบรวมหลักฐานอย่างเป็นระบบ: การทำ Affidavit เป็นโอกาสให้ผู้ขายรวบรวมและนำเสนอหลักฐานต่างๆ อย่างเป็นลำดับขั้นตอนและชัดเจนในเอกสารฉบับเดียว
  • เป็นที่ยอมรับในระดับสากล (เมื่อทำอย่างถูกต้อง): Affidavit ที่รับรองโดย Notary Public ที่ได้รับอนุญาต เป็นรูปแบบเอกสารที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในการดำเนินการทางกฎหมายและธุรกิจระหว่างประเทศ

สำคัญ:

การทำ Affidavit ไม่ได้รับประกันว่าจะชนะ Chargeback 100% แต่เป็นการเพิ่มน้ำหนักและความน่าเชื่อถือให้กับหลักฐานของคุณอย่างมีนัยสำคัญ

สิ่งที่ควรรวมใน Merchant's Affidavit (เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด)

เพื่อให้คำให้การของคุณมีข้อมูลครบถ้วนและน่าเชื่อถือ ควรประกอบด้วยรายละเอียดสำคัญดังนี้ (NYC+ สามารถช่วยร่างหรือตรวจสอบให้ได้):

1. ข้อมูลเบื้องต้นของผู้ให้การและธุรกิจ:

  • ชื่อ-นามสกุล และตำแหน่งของผู้ให้การ (ผู้มีอำนาจของบริษัท)
  • ชื่อบริษัท, ที่อยู่, เลขทะเบียนนิติบุคคล
  • คำยืนยันว่าผู้ให้การมีอำนาจในการให้การแทนบริษัท

2. รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมที่เป็นข้อพิพาท:

  • หมายเลขคำสั่งซื้อ (Order ID)
  • วันที่และเวลาที่ทำรายการ
  • ชื่อลูกค้า, ที่อยู่จัดส่ง, อีเมล, เบอร์โทร (เท่าที่มี)
  • รายละเอียดสินค้า/บริการที่สั่งซื้อ
  • จำนวนเงินที่ชำระ
  • ช่องทางการชำระเงิน (เช่น Visa, Mastercard เลขท้าย 4 ตัว)
  • IP Address ของลูกค้า (ถ้ามี)

3. หลักฐานการสั่งซื้อและการยืนยัน:

  • แนบสำเนาใบสั่งซื้อ (Order Confirmation) ที่ส่งให้ลูกค้า
  • หลักฐานการยืนยันการชำระเงินจาก Payment Gateway
  • (อาจกล่าวถึงระบบป้องกัน Fraud ที่ใช้ เช่น 3D Secure, AVS Check ถ้ามี)

4. หลักฐานการจัดส่งสินค้า/บริการ (สำคัญมาก):

  • เลขติดตามพัสดุ (Tracking Number) พร้อมชื่อบริษัทขนส่ง
  • หลักฐานยืนยันการจัดส่ง (Proof of Delivery - POD): เช่น หน้าเว็บติดตามสถานะที่แสดงว่า "ส่งสำเร็จ (Delivered)", ลายเซ็นผู้รับ (ถ้ามี), รูปถ่ายพัสดุ ณ ที่อยู่ลูกค้า (ถ้ามี)
  • วันที่และเวลาที่จัดส่งสำเร็จ
  • (กรณีสินค้าดิจิทัล/บริการ): หลักฐานการเข้าถึง, Log การใช้งาน, อีเมลยืนยันการส่งมอบ

5. หลักฐานการสื่อสารกับลูกค้า:

  • สำเนาอีเมล, แชท, หรือบันทึกการโทร ที่มีการพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับคำสั่งซื้อ, การจัดส่ง, หรือปัญหาที่เกิดขึ้น (ถ้ามี)
  • หากลูกค้าเคยติดต่อมาแจ้งปัญหาและผู้ขายได้พยายามแก้ไขแล้ว ควรระบุรายละเอียด

6. การอ้างอิงนโยบายร้านค้า:

  • ระบุว่าลูกค้าได้ยอมรับเงื่อนไขและนโยบายของร้านค้า (เช่น นโยบายการคืนเงิน/คืนสินค้า) ณ ตอนสั่งซื้อ
  • แนบสำเนานโยบายดังกล่าว (ถ้าเกี่ยวข้องกับข้อพิพาท)

7. คำยืนยันภายใต้คำสาบาน:

  • ข้อความยืนยันว่าผู้ให้การได้ตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดแล้ว และขอสาบานว่าข้อความใน Affidavit นี้เป็นความจริง
  • พื้นที่สำหรับลงนามของผู้ให้การ (Affiant) และวันที่

8. ส่วนการรับรองของ Notary Public:

  • ข้อความรับรอง (Notarial Certificate หรือ Jurat) ที่ระบุว่า ผู้ให้การได้มาปรากฏตัว, แสดงตน, สาบานตน, และลงนามในเอกสารนี้ต่อหน้า Notary ณ วันที่และสถานที่ที่ระบุ
  • ลายมือชื่อและตราประทับของ Notary Public

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

แนบเฉพาะหลักฐานที่เกี่ยวข้องและชัดเจน การแนบเอกสารที่ไม่จำเป็นจำนวนมากอาจทำให้ประเด็นไม่ชัดเจน ควรจัดเรียงหลักฐานตามลำดับเหตุการณ์เพื่อให้เข้าใจง่าย

การรับรองสำเนาถูกต้องของหลักฐาน (Certified True Copies)

นอกจากการทำ Affidavit แล้ว ในบางกรณี การแนบสำเนาหลักฐานสำคัญที่ผ่าน การรับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy) โดย Notary Public ไปพร้อมกัน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นไปอีก

หลักฐานที่มักนำมารับรองสำเนา:

  • หลักฐานการจัดส่ง (Proof of Delivery): เช่น เอกสารหรือหน้าเว็บจากบริษัทขนส่งที่ยืนยันการส่งมอบ
  • ใบแจ้งหนี้ / ใบกำกับภาษี (Invoice / Tax Invoice): เพื่อยืนยันรายละเอียดการซื้อขาย
  • การสื่อสารสำคัญกับลูกค้า: เช่น อีเมลยืนยันการแก้ไขปัญหา หรือการยอมรับเงื่อนไข
  • หนังสือรับรองบริษัท: (หาก Chargeback เกี่ยวข้องกับอำนาจการทำธุรกรรม)

กระบวนการรับรองสำเนา: คุณจะต้องนำ เอกสารต้นฉบับ ของหลักฐานนั้นๆ มาแสดงต่อหน้า Notary Public พร้อมกับสำเนาที่ต้องการรับรอง Notary จะทำการเปรียบเทียบ หากถูกต้องตรงกัน จะประทับตรารับรองบนสำเนาว่าเป็น "สำเนาถูกต้อง"

Banner บริการรับรองสำเนาเอกสารโดย Notary Public

การมีทั้ง Merchant's Affidavit และ Certified True Copies ของหลักฐานสำคัญ จะเป็นชุดเอกสารที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในการโต้แย้ง Chargeback

การใช้เอกสารที่รับรองแล้วยื่นต่อธนาคาร/แพลตฟอร์ม

เมื่อคุณได้รับ Merchant's Affidavit และสำเนาหลักฐานที่รับรองโดย Notary Public เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำเอกสารเหล่านี้ไปใช้ในการโต้แย้ง Chargeback:

  1. ตรวจสอบช่องทางและกำหนดเวลา:

    ตรวจสอบช่องทางที่ธนาคารหรือ Payment Gateway กำหนดสำหรับการยื่นเอกสารโต้แย้ง Chargeback (มักจะเป็นระบบออนไลน์ Portal หรืออีเมล) และตรวจสอบ กำหนดเวลา (Deadline) ในการยื่น ซึ่งสำคัญมาก หากยื่นช้ากว่ากำหนด อาจเสียสิทธิ์ในการโต้แย้ง

  2. สแกนเอกสารที่รับรองแล้ว:

    สแกน Merchant's Affidavit และสำเนาหลักฐานที่ผ่านการรับรอง Notary ทั้งหมดให้เป็นไฟล์ดิจิทัล (แนะนำเป็น PDF) ที่มีความละเอียดสูง ชัดเจน อ่านง่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเห็นลายเซ็นและตราประทับของ Notary ชัดเจน

  3. เขียนคำชี้แจงประกอบ (Cover Letter/Rebuttal Letter):

    แม้จะมี Affidavit แล้ว ควรเขียนคำชี้แจงสั้นๆ ประกอบการยื่นเอกสาร สรุปประเด็นสำคัญ อ้างอิงถึง Affidavit และหลักฐานที่แนบ เพื่อให้ผู้พิจารณาเข้าใจภาพรวมได้ง่ายขึ้น

  4. ยื่นเอกสารผ่านช่องทางที่กำหนด:

    อัปโหลดไฟล์เอกสารทั้งหมดเข้าระบบ หรือส่งอีเมลตามช่องทางที่ธนาคาร/แพลตฟอร์มกำหนด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้แนบไฟล์ครบถ้วนและถูกต้อง

  5. ติดตามผลและให้ข้อมูลเพิ่มเติม (ถ้ามี):

    เก็บหลักฐานการยื่นเอกสารไว้ และติดตามผลการพิจารณา หากมีการขอข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติม ให้รีบดำเนินการทันที

เคล็ดลับ: บางครั้ง ธนาคารอาจไม่คุ้นเคยกับ Affidavit ที่มาจากประเทศไทย การเขียน Cover Letter อธิบายสั้นๆ ว่า Affidavit คือคำให้การภายใต้คำสาบานที่รับรองโดย Notary Public ผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมายไทย อาจช่วยเพิ่มความเข้าใจได้

Checklist สำหรับผู้ขาย E-Commerce เมื่อเกิด Chargeback

เมื่อได้รับแจ้ง Chargeback อย่าเพิ่งตกใจ ทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างเป็นระบบ:

  • ตรวจสอบรายละเอียด Chargeback ทันที: ทำความเข้าใจเหตุผล (Reason Code) ที่ลูกค้าอ้าง, วันที่ทำรายการ, จำนวนเงิน, และข้อมูลลูกค้า
  • รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด: (ตามที่ระบุในหัวข้อ Merchant's Affidavit) ใบสั่งซื้อ, การชำระเงิน, การสื่อสาร, การจัดส่ง (POD สำคัญมาก!), นโยบายร้านค้า ฯลฯ
  • ประเมินสถานการณ์: พิจารณาจากหลักฐานว่าคุณมีโอกาสชนะข้อพิพาทมากน้อยเพียงใด คุ้มค่าที่จะโต้แย้งหรือไม่ (บางครั้งยอดเงินน้อย อาจไม่คุ้มค่าดำเนินการ)
  • ติดต่อลูกค้า (ถ้าเหมาะสม): ในบางกรณี (ที่ไม่ใช่ Fraud ชัดเจน) การติดต่อลูกค้าโดยตรงเพื่อสอบถามปัญหาและหาทางแก้ไข อาจทำให้ลูกค้ายกเลิก Chargeback ได้
  • เตรียม Merchant's Affidavit (หากตัดสินใจโต้แย้ง): ร่างคำให้การโดยละเอียด แนบหลักฐานที่ชัดเจน และนำมารับรอง Notary Public ที่ NYC+ (ควรทำโดยเร็วที่สุด)
  • รับรองสำเนาหลักฐาน (ถ้าจำเป็น): นำต้นฉบับและสำเนาหลักฐานสำคัญมารับรอง Certified True Copy โดย Notary
  • ยื่นเอกสารโต้แย้งภายในกำหนดเวลา: ส่ง Affidavit และหลักฐานทั้งหมดผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ทันตาม Deadline ที่กำหนด
  • ติดตามผลและเรียนรู้: ติดตามผลการพิจารณา และนำข้อมูลจาก Chargeback มาปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต (เช่น ปรับปรุงรายละเอียดสินค้า, ระบบตรวจสอบ Fraud, บริการลูกค้า)

ค่าบริการสำหรับเอกสารข้อพิพาท E-Commerce

ค่าบริการสำหรับการจัดทำและ/หรือรับรองเอกสารเพื่อโต้แย้ง Chargeback:

  • ค่าบริการรับรอง Merchant's Affidavit: ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท (สำหรับกรณีที่ลูกค้าร่าง Affidavit มาเอง และ Notary เพียงรับรองลายมือชื่อผู้สาบานตน)
  • ค่าบริการร่างและรับรอง Merchant's Affidavit: ราคาอาจสูงขึ้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของข้อเท็จจริงและจำนวนหลักฐาน (กรุณาสอบถามเพื่อประเมินราคา)
  • ค่าบริการรับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy): ราคาเริ่มต้น 1,500 บาท สำหรับชุดเอกสารหลักฐาน
  • ค่าบริการแปลเอกสาร (ถ้าจำเป็น): เริ่มต้น 500 บาท/หน้า (ไทย-อังกฤษ)

เราเข้าใจความเร่งด่วนของกรณี Chargeback โปรดติดต่อเราเพื่อนัดหมายและประเมินค่าบริการโดยเร็วที่สุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Notary และข้อพิพาท E-Commerce

Q1: จำเป็นต้องทำ Merchant's Affidavit ทุกครั้งที่เกิด Chargeback หรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป ขึ้นอยู่กับมูลค่าของ Chargeback, ความชัดเจนของหลักฐานที่คุณมี, และข้อกำหนดของธนาคาร/แพลตฟอร์ม แต่การทำ Affidavit จะ 'เพิ่มน้ำหนัก' ให้หลักฐานของคุณอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่หลักฐานอื่นๆ อาจไม่ชัดเจนเพียงพอ หรือเป็นการทำธุรกรรมกับลูกค้าต่างประเทศ

Q2: ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการทำ Merchant's Affidavit ที่ NYC+?

หากคุณเตรียมข้อมูลและหลักฐานมาครบถ้วน และร่างคำให้การเบื้องต้นมาแล้ว กระบวนการตรวจสอบ ร่างขั้นสุดท้าย และรับรองลายมือชื่อต่อหน้า Notary อาจเสร็จสิ้นได้ภายใน 1 วันทำการ หากต้องการให้เราช่วยร่าง Affidavit ทั้งหมด อาจใช้เวลา 1-2 วันทำการ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน เราเข้าใจความเร่งด่วนและจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด

Q3: ธนาคารหรือ Payment Gateway ต่างประเทศ จะยอมรับ Affidavit ที่ทำในประเทศไทยหรือไม่?

โดยทั่วไป Affidavit ที่รับรองโดย Notary Public ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย เป็นรูปแบบเอกสารที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบข้อกำหนดเฉพาะของธนาคารหรือแพลตฟอร์มนั้นๆ อีกครั้ง ในบางกรณี อาจต้องนำเอกสารไปรับรองเพิ่มเติมที่กรมการกงสุล (Legalization) ซึ่ง NYC+ สามารถให้บริการต่อได้

Q4: นอกจาก Affidavit แล้ว Notary ช่วยรับรองหลักฐาน E-commerce อื่นๆ ได้อีกไหม?

ได้ครับ นอกจาก Affidavit แล้ว Notary ยังสามารถรับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy) ของหลักฐานต่างๆ เช่น สำเนาหน้าจอคำสั่งซื้อ, สำเนาอีเมลยืนยัน, สำเนาหน้าจอ Tracking การจัดส่ง, หรือสำเนาเอกสารอื่นๆ ที่คุณต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือในการยื่นโต้แย้ง Chargeback

Q5: ถ้าข้อพิพาทไม่ใช่ Chargeback แต่เป็นเรื่องอื่น เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา Notary ช่วยได้ไหม?

Notary อาจมีบทบาทในการรับรองเอกสารบางประเภทที่เกี่ยวข้อง เช่น การรับรองสำเนาหลักฐานความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์/เครื่องหมายการค้า หรือการรับรองคำให้การ (Affidavit) เกี่ยวกับข้อเท็จจริงบางอย่าง อย่างไรก็ตาม กรณีข้อพิพาทที่ซับซ้อน ควรปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาหรือกฎหมาย E-commerce โดยตรง ซึ่ง NYC+ สามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นหรือส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้

Q6: ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างในการทำ Merchant's Affidavit?

ต้องเตรียม 1) ร่างคำให้การ (ถ้ามี) หรือข้อมูลข้อเท็จจริงและลำดับเหตุการณ์ 2) หลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง (คำสั่งซื้อ, การชำระเงิน, การสื่อสาร, การจัดส่ง POD) ทั้งต้นฉบับ (ถ้ามี) และสำเนา 3) เอกสารยืนยันตัวตนของผู้ให้การ (บัตรประชาชน/Passport) 4) หนังสือรับรองบริษัท (กรณีนิติบุคคล) ควรติดต่อ NYC+ เพื่อนัดหมายและสอบถามรายการเอกสารที่แน่นอนอีกครั้ง

เพิ่มน้ำหนักให้หลักฐานของคุณในโลกออนไลน์

ในโลกดิจิทัลที่หลักฐานมักอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ การทำให้หลักฐานเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในทางกฎหมายหรือในกระบวนการระงับข้อพิพาทเป็นสิ่งท้าทาย การใช้ Affidavit และการรับรองสำเนาโดย Notary Public เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วย:

  • เปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลให้เป็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรม: การนำเสนอข้อมูลจากหน้าจอหรือระบบออนไลน์ในรูปแบบ Affidavit ที่ผ่านการสาบานตน ทำให้ข้อมูลนั้นมีสถานะที่จับต้องได้และเป็นทางการมากขึ้น
  • ยืนยันความถูกต้อง ณ เวลาที่รับรอง: การรับรองสำเนาหน้าจอ Tracking หรืออีเมลโดย Notary เป็นการยืนยันว่าข้อมูลนั้นมีอยู่จริง ณ วันที่ทำการรับรอง
  • สร้างความได้เปรียบในการโต้แย้ง: เมื่อเทียบกับผู้ขายที่ยื่นเพียงสำเนาหน้าจอธรรมดา การยื่นเอกสารที่ผ่านการรับรอง Notary ย่อมแสดงถึงความรอบคอบและความน่าเชื่อถือที่สูงกว่า

เราช่วยให้คุณต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของคุณได้อย่างเต็มที่

อย่าปล่อยให้ Chargeback ที่ไม่เป็นธรรมมาทำลายธุรกิจ E-Commerce ของคุณ ติดต่อ NYC+ วันนี้ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการจัดทำ Merchant's Affidavit และรับรองเอกสารหลักฐานต่างๆ ทีมทนายความ Notary Public ของเราพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพ

สำนักงานใหญ่ (ลาดพร้าว 95) | สาขาขอนแก่น | สาขาอุดรธานี | และเครือข่ายทั่วประเทศ