สรุปประเด็นสำคัญ (Executive Summary)

Oath (คำสาบาน) และ Affirmation (คำยืนยัน) คือการให้คำสัตย์ปฏิญาณอย่างเป็นทางการต่อหน้า Notary Public หรือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ โดย Oath อ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วน Affirmation ไม่อ้างถึง แต่ทั้งสองมี ผลผูกพันทางกฎหมายเท่าเทียมกัน การให้การเท็จมีโทษฐานเบิกความเท็จเหมือนกัน ส่วน Declaration (คำให้การ/คำประกาศ) เป็นข้อความยืนยันความจริงในเอกสารลายลักษณ์อักษร ซึ่งอาจมีบทลงโทษหากเป็นเท็จ Notary Public มีหน้าที่แจ้งทางเลือกและเคารพการตัดสินใจของลูกค้าในการเลือกใช้ Oath หรือ Affirmation

คำสาบาน คำยืนยัน คำให้การ/คำประกาศ: เข้าใจความแตกต่างและความหมายที่แท้จริง

ในการดำเนินการทางกฎหมายหรือการทำเอกสารสำคัญหลายประเภท โดยเฉพาะเอกสารที่ต้องใช้ในต่างประเทศ เช่น Affidavit (คำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรภายใต้คำสาบาน), คำให้การพยาน, หรือเอกสารยืนยันข้อเท็จจริงต่างๆ คุณอาจเคยได้ยินหรือต้องเกี่ยวข้องกับคำว่า "Oath", "Affirmation", หรือ "Declaration" คำเหล่านี้แม้จะมีความหมายใกล้เคียงกันคือการยืนยันความจริง แต่ก็มีความแตกต่างในรายละเอียดเชิงกฎหมาย ภาษาศาสตร์ และที่สำคัญคือ ในแง่ของความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่ง Notary Public ที่มีความเป็นมืออาชีพจะต้องเข้าใจและให้เกียรติ

บทความนี้ NYC Translation and Notary Service จะพาคุณไปทำความเข้าใจความแตกต่างและความหมายที่แท้จริงของคำเหล่านี้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องตามเจตนารมณ์ และเข้าใจบทบาทของ Notary Public ในกระบวนการเหล่านี้อย่างชัดเจน

1. คำสาบาน (Oath)

ความหมายและลักษณะเฉพาะ

Oath (คำสาบาน) คือ การให้คำมั่นสัญญาหรือคำสัตย์ปฏิญาณอย่างเป็นทางการและเคร่งขรึม (Solemn Promise or Declaration) เพื่อยืนยันความจริงของข้อความหรือคำให้การ โดยมีลักษณะสำคัญคือ การอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (Deity), อำนาจที่เหนือกว่า (Higher Power), หรือสิ่งที่บุคคลนั้นเคารพสูงสุดทางจิตวิญญาณ เพื่อเป็นพยานและรับประกันความจริงใจในคำกล่าว

หัวใจของ Oath คือการเชื่อมโยงคำมั่นสัญญากับมโนธรรมทางศาสนาหรือจิตวิญญาณของผู้กล่าว โดยเชื่อว่าการกล่าวเท็จหลังจากสาบานตนแล้ว จะนำมาซึ่งผลกระทบไม่เพียงแต่ทางกฎหมาย แต่ยังรวมถึงผลกระทบทางจิตวิญญาณหรือตามหลักความเชื่อนั้นๆ ด้วย

ตัวอย่างถ้อยคำ (Wording Examples)

รูปแบบถ้อยคำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรมหรือศาสนา แต่โดยทั่วไปมักมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น:

  • "ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า/พระอัลเลาะห์/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าข้อความต่อไปนี้เป็นความจริงทุกประการ"
  • (In English Jurisdictions) "I swear by Almighty God that the evidence I shall give shall be the truth, the whole truth, and nothing but the truth." (สำหรับพยานในศาล)
  • (In Notarial Context) "Do you solemnly swear that the contents of this document are true and correct, so help you God?" (คำถามที่ Notary อาจใช้ถามผู้ให้การ)

ใครใช้ Oath?

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เลือกกล่าว Oath คือบุคคลที่:

  • นับถือศาสนา หรือมีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจน และรู้สึกผูกพันทางจิตวิญญาณกับการอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเมื่อให้คำมั่นสัญญา
  • อยู่ในบริบททางวัฒนธรรมหรือประเพณี ที่การกล่าวคำสาบานเป็นแบบแผนปฏิบัติ เช่น การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง หรือการให้การในศาลบางระบบ

อย่างไรก็ตาม การกล่าว Oath เป็น "สิทธิ" ไม่ใช่ "หน้าที่" บุคคลย่อมมีอิสระในการเลือกที่จะไม่กล่าว Oath หากขัดต่อความเชื่อหรือความรู้สึกของตนเอง

2. คำยืนยัน (Affirmation)

ความหมายและลักษณะเฉพาะ

Affirmation (คำยืนยัน) คือ การให้คำมั่นสัญญาหรือคำสัตย์ปฏิญาณอย่างเป็นทางการและเคร่งขรึม เพื่อยืนยันความจริงของข้อความหรือคำให้การ เช่นเดียวกับ Oath แต่มีข้อแตกต่างสำคัญคือ ไม่มีการอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้ที่กล่าว Affirmation จะใช้ เกียรติ (Honor), สัจจะ (Truthfulness), และจิตสำนึก (Conscience) ของตนเอง เป็นเครื่องรับประกันความจริง แทนที่จะอ้างถึงอำนาจภายนอก เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเองโดยตรง และยอมรับผลทางกฎหมายหากกล่าวเท็จ

ตัวอย่างถ้อยคำ (Wording Examples)

ถ้อยคำที่ใช้ใน Affirmation มักเน้นความจริงจังและความรับผิดชอบส่วนบุคคล เช่น:

  • "ข้าพเจ้าขอยืนยันอย่างจริงจังและด้วยสัตย์จริงว่าข้อความต่อไปนี้เป็นความจริงทุกประการ"
  • (In English Jurisdictions) "I solemnly, sincerely and truly declare and affirm that the evidence I shall give shall be the truth, the whole truth, and nothing but the truth." (สำหรับพยานในศาล)
  • (In Notarial Context) "Do you solemnly affirm under penalty of perjury that the contents of this document are true and correct?" (คำถามที่ Notary อาจใช้ถามผู้ให้การ)

ใครใช้ Affirmation?

บุคคลที่เลือกกล่าว Affirmation มักจะเป็นผู้ที่:

  • ไม่มีศาสนา (Atheist, Agnostic) หรือไม่ต้องการนำความเชื่อทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางกฎหมายหรือเอกสาร
  • มีความเชื่อทางศาสนาแต่ไม่ต้องการสาบาน ด้วยเหตุผลทางหลักคำสอน (เช่น บางนิกายในศาสนาคริสต์ตีความคำสอนว่าห้ามสาบาน)
  • รู้สึกไม่สบายใจ ที่จะอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริบททางโลก (Secular Context)
  • ต้องการยืนยันความจริง โดยอาศัยความรับผิดชอบและเกียรติของตนเองเป็นหลัก

Affirmation ถูกพัฒนาขึ้นในระบบกฎหมายตะวันตกเพื่อให้ความเคารพต่อเสรีภาพทางความคิดและความเชื่อ ทำให้ทุกคนสามารถให้คำสัตย์ปฏิญาณได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ถูกบังคับให้กล่าวคำที่ขัดต่อมโนธรรมของตน

3. คำประกาศ / คำให้การ (Declaration)

ความหมายและลักษณะเฉพาะ

Declaration (คำประกาศ หรือ คำให้การ) แตกต่างจาก Oath และ Affirmation ตรงที่โดยทั่วไปแล้ว Declaration หมายถึง ข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Written Statement) ซึ่งผู้จัดทำหรือผู้ลงนามได้ "ประกาศ" หรือ "ยืนยัน" ว่าข้อความในเอกสารนั้นเป็นความจริง ถูกต้อง และสมบูรณ์เท่าที่ตนทราบและเชื่อ (To the best of their knowledge and belief)

ลักษณะสำคัญของ Declaration คือ:

  • เน้นรูปแบบลายลักษณ์อักษร: แม้ Oath และ Affirmation มักจะเกี่ยวข้องกับเอกสารลายลักษณ์อักษร (เช่น Affidavit) แต่แก่นแท้คือ "การกล่าวคำสัตย์" ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ส่วน Declaration มุ่งเน้นที่ตัว "ข้อความ" ในเอกสารนั้นเอง
  • อาจมีหรือไม่มีการกล่าวต่อหน้าเจ้าหน้าที่: ในหลายกรณี Declaration สามารถลงนามได้โดยไม่ต้องมี Notary หรือเจ้าหน้าที่อื่นเป็นพยาน (เรียกว่า Unsworn Declaration) แต่จะมีผลสมบูรณ์ได้หากมีข้อความระบุถึงบทลงโทษฐานให้การเท็จ (Under Penalty of Perjury) ตามกฎหมายที่บังคับใช้
  • บริบทการใช้งาน: มักใช้ในแบบฟอร์มราชการ, เอกสารศุลกากร, คำร้องต่อศาลบางประเภท, หรือใช้แทน Affidavit ในบางเขตอำนาจศาล (เช่น ในระบบศาล Federal ของสหรัฐอเมริกา อนุญาตให้ใช้ Unsworn Declaration แทน Affidavit ได้ตามกฎหมาย 28 U.S.C. § 1746)

ตัวอย่างข้อความ (Wording Examples)

ข้อความที่พบบ่อยใน Declaration เช่น:

  • "ข้าพเจ้าขอประกาศภายใต้บทลงโทษฐานให้การเท็จว่า ข้อความข้างต้นเป็นความจริงและถูกต้อง"
  • (Under US Law) "I declare (or certify, verify, or state) under penalty of perjury under the laws of the United States of America that the foregoing is true and correct."

ความสัมพันธ์กับ Oath/Affirmation

แม้ Declaration จะแตกต่างออกไป แต่ก็มีความเชื่อมโยงกัน Affidavit ซึ่งเป็นเอกสารที่พบบ่อยในงาน Notary คือ "Written Declaration" ที่ผู้ให้การ (Affiant) ได้ให้การภายใต้ "Oath" หรือ "Affirmation" ต่อหน้า Notary ดังนั้น Declaration จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ต้องใช้ Oath หรือ Affirmation ก็ได้ หรืออาจเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ในตัวเองก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดทางกฎหมายและวัตถุประสงค์ของเอกสารนั้นๆ

บทบาทของ Notary Public ในการให้ลูกค้าเลือกระหว่าง Oath และ Affirmation

Notary Public ไม่ใช่แค่ผู้รับรองลายมือชื่อ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการให้มีการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ (Administering Oaths and Affirmations) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำเอกสารประเภท Jurat (ส่วนที่ Notary รับรองว่าเอกสารถูกลงนามและสาบาน/ยืนยันต่อหน้า)

บทบาทและความรับผิดชอบของ Notary ในกระบวนการนี้ ได้แก่:

  1. การยืนยันตัวตน (Identify the Signer): Notary ต้องตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตน (เช่น บัตรประชาชน, หนังสือเดินทาง) ของผู้ลงนาม (Signer หรือ Affiant) เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับที่ระบุในเอกสาร
  2. การแจ้งให้ทราบถึงทางเลือก (Inform the Choice): Notary ควรอธิบายความแตกต่างระหว่าง Oath และ Affirmation อย่างสั้นๆ และแจ้งให้ผู้ลงนามทราบว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกรูปแบบใดก็ได้ตามความเชื่อของตน
  3. การสอบถามเจตนา (Ask for Intent): Notary ต้องสอบถามผู้ลงนามว่าต้องการกล่าว Oath หรือ Affirmation
  4. การดำเนินการให้กล่าวคำสัตย์ (Administer the Oath/Affirmation):
    • Notary จะให้ผู้ลงนามยกมือขวาขึ้น (ตามธรรมเนียมปฏิบัติ)
    • Notary จะกล่าวถ้อยคำสำหรับ Oath หรือ Affirmation ที่เหมาะสม (ดังตัวอย่างข้างต้น)
    • ผู้ลงนามจะต้องตอบรับด้วยวาจาอย่างชัดเจน (เช่น "ข้าพเจ้าสาบาน", "I do", "ข้าพเจ้ายืนยัน") เพื่อแสดงการยอมรับ
  5. การเป็นพยานในการลงนาม (Witness the Signature): ผู้ลงนามจะต้องลงนามในเอกสารต่อหน้า Notary หลังจากกล่าวคำสัตย์แล้วเท่านั้น
  6. การกรอกข้อมูลและลงนามใน Jurat (Complete the Jurat Certificate): Notary จะกรอกรายละเอียดในส่วน Jurat ของเอกสาร ซึ่งโดยทั่วไปจะระบุว่า "สาบาน (หรือยืนยัน) และลงนามต่อหน้าข้าพเจ้า ณ [สถานที่] ในวันที่ [วัน เดือน ปี]" (Subscribed and sworn to (or affirmed) before me...) จากนั้น Notary จะลงนามและประทับตราประจำตำแหน่ง

สิ่งสำคัญที่สุดคือ Notary ต้อง:

  • มีความเป็นกลาง (Impartiality): ไม่ชี้นำหรือกดดันให้ผู้ลงนามเลือกรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
  • เคารพการตัดสินใจ (Respect for Choice): ยอมรับและดำเนินการตามที่ผู้ลงนามเลือก โดยไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับความเชื่อของผู้ลงนาม
  • ปฏิบัติตามกฎหมายและจรรยาบรรณ (Adherence to Law and Ethics): ดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างถูกต้องตามกฎหมายและหลักปฏิบัติที่ดีของ Notary Public

การทำหน้าที่อย่างถูกต้องของ Notary ช่วยให้กระบวนการให้คำสัตย์ปฏิญาณมีความน่าเชื่อถือ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และเคารพสิทธิของปัจเจกบุคคล

ตารางเปรียบเทียบ: Oath vs Affirmation vs Declaration

ลักษณะ Oath (คำสาบาน) Affirmation (คำยืนยัน) Declaration (คำให้การ/คำประกาศ)
แก่นแท้ การให้คำสัตย์ปฏิญาณด้วยวาจา การให้คำสัตย์ปฏิญาณด้วยวาจา ข้อความยืนยันความจริงที่เป็นลายลักษณ์อักษร
การอ้างอิง อ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ / อำนาจเหนือกว่า ไม่อ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ใช้เกียรติ/สัจจะเป็นประกัน) มักไม่อ้างถึง (แต่อาจระบุถึงบทลงโทษฐานให้การเท็จ)
ผู้ใช้หลัก ผู้มีความเชื่อทางศาสนา/จิตวิญญาณ ผู้ไม่ต้องการอ้างศาสนา / ไม่มีศาสนา / มีข้อจำกัดทางศาสนา ใช้ทั่วไปในเอกสารทางกฎหมาย / แบบฟอร์มราชการ
รูปแบบหลัก การกล่าวด้วยวาจา (มักตามด้วยการลงนาม) การกล่าวด้วยวาจา (มักตามด้วยการลงนาม) ลายลักษณ์อักษร (อาจมีการลงนามโดยไม่มีการกล่าว)
ต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่? ใช่ (เช่น Notary, ศาล) ใช่ (เช่น Notary, ศาล) อาจจะไม่จำเป็นเสมอไป (ขึ้นอยู่กับกฎหมาย)
ผลทางกฎหมาย มีผลผูกพัน / มีโทษฐานเบิกความเท็จ มีผลผูกพัน / มีโทษฐานเบิกความเท็จ (เท่าเทียมกับ Oath) มีผลผูกพัน / อาจมีโทษฐานให้การเท็จ (หากระบุไว้)
ตัวอย่างการใช้กับ Notary ส่วน Jurat ใน Affidavit, คำให้การพยาน ส่วน Jurat ใน Affidavit, คำให้การพยาน อาจเป็นส่วนหนึ่งของ Affidavit หรือเป็นเอกสารแยกต่างหาก

ความเคารพในความเชื่อของลูกค้าคือหลักการของเรา

ที่ NYC Translation and Notary Service เรายึดมั่นในหลักการให้บริการ Notary Public ด้วยความเป็นกลาง เป็นมืออาชีพ และที่สำคัญที่สุดคือ การเคารพในสิทธิเสรีภาพทางความคิดและความเชื่อที่หลากหลายของลูกค้าทุกท่าน

เราเข้าใจดีว่าการเลือกกล่าว Oath หรือ Affirmation เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ทนายความ Notary Public ของเราทุกคนได้รับการฝึกอบรมให้:

  • ให้ข้อมูลที่ชัดเจน เกี่ยวกับทางเลือกทั้งสองรูปแบบ
  • อำนวยความสะดวก ให้ลูกค้าสามารถเลือกรูปแบบที่สอดคล้องกับมโนธรรมและความเชื่อของตนเองได้อย่างอิสระ
  • ดำเนินการ ตามรูปแบบที่ลูกค้าเลือกด้วยความเคารพและถูกต้องตามหลักปฏิบัติ
  • รักษาความเป็นกลาง โดยไม่แสดงความคิดเห็นหรือตัดสินความเชื่อส่วนบุคคลของลูกค้า

ไม่ว่าคุณจะเลือกกล่าวคำสาบานหรือคำยืนยัน คุณสามารถมั่นใจได้ว่ากระบวนการที่ NYC+ จะเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้เกียรติ และรักษาผลประโยชน์ของคุณสูงสุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

❓ Oath (คำสาบาน) คืออะไร?

Oath หรือ คำสาบาน คือ การให้คำสัตย์ปฏิญาณอย่างเป็นทางการ โดยมีการอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า หรืออำนาจเหนือธรรมชาติที่บุคคลนั้นเคารพนับถือ เพื่อเป็นพยานและรับประกันความจริงของคำพูดหรือข้อความนั้นๆ ตัวอย่างเช่น 'ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระเจ้าว่า...' หรือ 'ข้าพเจ้าขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า...' การกล่าวคำสาบานเป็นการแสดงความจริงจังและยอมรับผลที่จะตามมาหากกล่าวเท็จ ซึ่งอาจรวมถึงผลกระทบทางจิตวิญญาณตามความเชื่อนั้นๆ ด้วย มักใช้โดยผู้ที่มีความเชื่อทางศาสนาอย่างชัดเจน

❓ Affirmation (คำยืนยัน) คืออะไร?

Affirmation หรือ คำยืนยัน คือ การให้คำสัตย์ปฏิญาณอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับ Oath แต่ *ไม่มี* การอ้างถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ให้คำยืนยันจะใช้เกียรติ สัจจะ และจิตสำนึกของตนเองเป็นประกันความจริงของคำพูดหรือข้อความนั้น ตัวอย่างเช่น 'ข้าพเจ้าขอยืนยันด้วยสติและเกียรติของข้าพเจ้าว่า...' หรือ 'ข้าพเจ้าขอให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจังว่า...' Affirmation ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เกียรติแก่ผู้ที่ไม่ต้องการกล่าวคำสาบานด้วยเหตุผลทางศาสนา หรือผู้ที่ไม่มีศาสนา แต่ยังคงต้องการแสดงความจริงจังและยอมรับผลทางกฎหมายหากกล่าวเท็จ

❓ Declaration (คำให้การ/คำประกาศ) คืออะไร?

Declaration หรือ คำให้การ/คำประกาศ คือ ข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งผู้เขียนหรือผู้ลงนามยืนยันว่าข้อความดังกล่าวเป็นความจริง ถูกต้อง และสมบูรณ์เท่าที่ตนทราบ โดยอาจมีข้อความระบุถึงบทลงโทษฐานให้การเท็จ (Penalty of Perjury) ตามกฎหมาย หากข้อความนั้นเป็นเท็จ Declaration แตกต่างจาก Oath และ Affirmation ตรงที่มักจะเน้นที่ตัวข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษร และอาจไม่จำเป็นต้องกล่าวต่อหน้าเจ้าหน้าที่เสมอไป (ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดทางกฎหมาย) แต่เมื่อลงนามแล้ว ถือว่ามีผลผูกพันทางกฎหมายเช่นกัน มักใช้ในเอกสารทางกฎหมาย เช่น คำให้การในคดี, เอกสารศุลกากร, หรือแบบฟอร์มราชการต่างๆ

❓ Oath และ Affirmation มีผลทางกฎหมายแตกต่างกันหรือไม่?

ในทางกฎหมายสมัยใหม่ ทั้งในประเทศไทยและในเขตอำนาจศาลส่วนใหญ่ทั่วโลก Oath (คำสาบาน) และ Affirmation (คำยืนยัน) ถือว่ามีผลผูกพันทางกฎหมาย *เท่าเทียมกันทุกประการ* การให้การเท็จหลังจากกล่าว Oath หรือ Affirmation ถือเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ (Perjury) และมีบทลงโทษตามกฎหมายเหมือนกัน กฎหมายให้ความสำคัญกับ 'เจตนา' ที่จะผูกมัดตนเองกับความจริง มากกว่ารูปแบบของคำกล่าว ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเลือกกล่าว Oath หรือ Affirmation ต่อหน้า Notary Public หรือเจ้าหน้าที่ศาล ผลทางกฎหมายจะเหมือนกัน

❓ Notary Public มีบทบาทอย่างไรในการให้ลูกค้าเลือก Oath หรือ Affirmation?

Notary Public มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกและรับรองกระบวนการให้คำสัตย์ปฏิญาณ ดังนี้: 1. แจ้งให้ทราบถึงทางเลือก 2. เคารพการตัดสินใจ 3. ดำเนินการตามรูปแบบที่เลือก 4. บันทึกในเอกสาร (Jurat) ว่าผู้ลงนามได้ 'สาบานหรือยืนยัน' (Sworn or Affirmed) ต่อหน้า Notary บทบาทนี้แสดงถึงความเป็นกลางและความเคารพในสิทธิเสรีภาพทางความคิดและความเชื่อของบุคคลครับ

❓ จำเป็นต้องใช้คำพูดแบบไหนสำหรับ Oath หรือ Affirmation?

แม้จะไม่มีรูปแบบคำพูดที่ตายตัวตามกฎหมายไทย แต่โดยทั่วไป Notary จะใช้ถ้อยคำที่เป็นมาตรฐานเพื่อให้ครอบคลุมองค์ประกอบสำคัญ เช่น สำหรับ Oath: \"คุณสาบานหรือไม่ว่าข้อความในเอกสารนี้เป็นความจริงทุกประการ จงช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิดพระผู้เป็นเจ้า?\" สำหรับ Affirmation: \"คุณยืนยันอย่างจริงจังหรือไม่ว่าข้อความในเอกสารนี้เป็นความจริงทุกประการ?\" ผู้ลงนามจะต้องตอบรับอย่างชัดเจน Notary อาจปรับเปลี่ยนถ้อยคำเล็กน้อยตามความเหมาะสม แต่ยังคงไว้ซึ่งเจตนาของการให้คำสัตย์

เราพร้อมดำเนินการให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของคุณ

ไม่ว่าคุณจะต้องการทำ Affidavit, ให้คำให้การ, หรือเอกสารอื่นใดที่ต้องมีการกล่าว Oath หรือ Affirmation ทีม Notary Public ของ NYC+ พร้อมให้บริการด้วยความเข้าใจ เคารพในความเชื่อของคุณ และดำเนินการอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมาย

ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูล หรือนัดหมายรับบริการ Notary Public