สรุปข้อมูลสำคัญ: "หนังสือมอบอำนาจ" (Power of Attorney - POA) ไม่ได้มีแค่แบบเดียว การเลือกใช้ผิดประเภทอาจหมายถึงการที่เอกสาร 'ใช้ไม่ได้' ในยามที่คุณต้องการที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง POA ทั่วไปจะ 'สิ้นสุดลงทันที' หากผู้มอบอำนาจไร้ความสามารถ (เช่น เป็นเจ้าชายนิทรา) หากคุณต้องการวางแผนสำหรับอนาคต คุณต้องใช้ "Durable POA" เท่านั้น
หนังสือมอบอำนาจ หรือ Power of Attorney (POA) คือหนึ่งในเอกสารทางกฎหมายที่สำคัญและทรงพลังที่สุด ที่อนุญาตให้บุคคลหนึ่ง (เรียกว่า "ผู้มอบอำนาจ" หรือ Principal) แต่งตั้งบุคคลอื่น (เรียกว่า "ผู้รับมอบอำนาจ" หรือ Agent หรือ Attorney-in-Fact) ให้มีอำนาจในการตัดสินใจและดำเนินการแทนตน
คนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับการใช้ POA เพื่อทำธุรกรรมง่ายๆ เช่น "มอบอำนาจให้ไปรับเอกสาร" หรือ "มอบอำนาจให้ไปโอนที่ดิน" แต่ในความเป็นจริง POA เป็นเครื่องมือที่ซับซ้อนและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการ "วางแผนอนาคต" (Estate Planning) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณเจ็บป่วยกะทันหันหรือไร้ความสามารถ
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดคือการคิดว่า POA ทุกฉบับเหมือนกัน การเลือกใช้ POA ผิดประเภทอาจส่งผลร้ายแรง ทำให้ผู้รับมอบอำนาจไม่สามารถช่วยคุณได้ในยามที่คุณต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด หรือในทางกลับกัน อาจเป็นการให้อำนาจกว้างเกินไปจนเกิดการทุจริตได้
ในฐานะทนายความ Notary Public ที่รับรองเอกสารเหล่านี้ทุกวัน NYC Plus ขอนำเสนอคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้ เพื่อเจาะลึกหนังสือมอบอำนาจ 5 ประเภทหลักที่คุณต้องรู้จัก เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและปกป้องผลประโยชน์ของคุณได้อย่างแท้จริง
1. (ทบทวน) หนังสือมอบอำนาจทั่วไป (General Power of Attorney)
หนังสือมอบอำนาจทั่วไป (General POA) คือเอกสารที่ผู้มอบอำนาจ "ให้อำนาจอย่างกว้างขวางที่สุด" แก่ผู้รับมอบอำนาจ โดยทั่วไปจะครอบคลุมธุรกรรมเกือบทุกประเภท เสมือนว่าผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวคุณเอง
ขอบเขตอำนาจ:
ผู้รับมอบอำนาจแบบ General POA มักจะสามารถ:
- จัดการบัญชีธนาคาร, ฝาก-ถอน-โอนเงิน
- ซื้อ-ขาย หรือจำนองอสังหาริมทรัพย์
- ยื่นและชำระภาษี
- จัดการการลงทุนและหุ้น
- ดำเนินการทางกฎหมายในนามของคุณ
จุดเด่น (Pros):
- สะดวก: ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการธุระต่างๆ แทนคุณได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องทำเอกสารใหม่ทุกครั้ง
ข้อควรระวัง (Cons) - จุดที่อันตรายที่สุด:
- ความเสี่ยงสูง: เพราะอำนาจที่กว้างมาก หากผู้รับมอบอำนาจขาดความซื่อสัตย์ พวกเขาสามารถยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของคุณได้ทั้งหมด
- การสิ้นสุดลงเมื่อไร้ความสามารถ: นี่คือจุดที่คนพลาดมากที่สุด! ตามกฎหมายทั่วไป (เว้นแต่จะระบุเป็น Durable) General POA จะสิ้นสุดลงทันทีเมื่อผู้มอบอำนาจกลายเป็นผู้ไร้ความสามารถ (Incapacitated) เช่น ประสบอุบัติเหตุเป็นเจ้าชายนิทรา, เป็นโรคอัลไซเมอร์, หรือสติฟั่นเฟือน ซึ่งหมายความว่า ในยามที่คุณต้องการให้คนช่วยจัดการทรัพย์สินมากที่สุด POA ฉบับนี้กลับกลายเป็น "กระดาษเปล่า" ที่ใช้การไม่ได้
เหมาะสำหรับ: การมอบอำนาจให้คู่สมรส หรือบุตรที่ไว้ใจได้ 100% เพื่อจัดการธุระแทนในขณะที่คุณยัง "มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน" แต่ไม่สะดวกดำเนินการเอง เช่น อยู่ต่างประเทศชั่วคราว
2. (ทบทวน) หนังสือมอบอำนาจเฉพาะการ (Special Power of Attorney)
หนังสือมอบอำนาจเฉพาะการ (Special POA) หรือบางครั้งเรียกว่า Limited Power of Attorney (LPOA) คือประเภทที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด เป็นการมอบอำนาจให้ทำ "กิจธุระอย่างใดอย่างหนึ่ง" หรือ "หลายอย่าง" ที่ระบุไว้ชัดเจนเท่านั้น
ขอบเขตอำนาจ:
อำนาจจะถูก "จำกัด" ไว้อย่างชัดเจนในเอกสาร เช่น:
- "เพื่อขายคอนโดมิเนียม เลขที่โฉนด xxxxx เท่านั้น"
- "เพื่อจดทะเบียนหย่ากับ [ชื่อคู่สมรส] ที่สำนักงานเขต xxx"
- "เพื่อติดต่อดำเนินการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) กับกรมการจัดหางาน"
- "เพื่อรับรองเอกสารที่กรมการกงสุลเท่านั้น"
จุดเด่น (Pros):
- ปลอดภัยสูง: ควบคุมความเสี่ยงได้ดีที่สุด ผู้รับมอบอำนาจไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากที่ระบุไว้ได้
- ชัดเจน: ง่ายต่อการตรวจสอบของบุคคลภายนอก (เช่น เจ้าหน้าที่ที่ดิน, ธนาคาร)
ข้อควรระวัง (Cons):
- ไม่ยืดหยุ่น: ต้องทำเอกสารใหม่ทุกครั้งที่ต้องการทำธุรกรรมใหม่
- สิ้นสุดเมื่อไร้ความสามารถ: เช่นเดียวกับ General POA, Special POA ทั่วไปจะสิ้นสุดลงทันทีเมื่อผู้มอบอำนาจไร้ความสามารถ
เหมาะสำหรับ: ธุรกรรมส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน, การมอบอำนาจให้ตัวแทนหรือทนายความทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ
3. หนังสือมอบอำนาจที่คงอยู่ (Durable Power of Attorney)
นี่คือเครื่องมือที่ "สำคัญที่สุด" สำหรับการวางแผนอนาคต (Estate Planning) ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม
Durable Power of Attorney (DPOA) คือหนังสือมอบอำนาจ (อาจเป็น General หรือ Special ก็ได้) ที่มี "ข้อความพิเศษ" (Durable Clause) ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "หนังสือมอบอำนาจฉบับนี้จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แม้ว่าผู้มอบอำนาจจะตกอยู่ในภาวะไร้ความสามารถในภายหลังก็ตาม"
"ภาวะไร้ความสามารถ" (Incapacitation) คืออะไร?
ภาวะไร้ความสามารถ หมายถึง สภาวะที่บุคคลไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้อีกต่อไป อาจเกิดจาก:
- อุบัติเหตุร้ายแรง, โคม่า, หรือเป็นเจ้าชายนิทรา
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์ (Dementia/Alzheimer's)
- อาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง
อย่างที่กล่าวไป POA ทั่วไปจะ "โมฆะ" ทันทีหากคุณตกอยู่ในภาวะนี้ แต่ Durable POA จะ "คงอยู่" (Durable) และทำงานต่อไป นี่คือความแตกต่างที่สำคัญที่สุด
ทำไม Durable POA จึงสำคัญมาก?
ลองนึกภาพว่าคุณประสบอุบัติเหตุและอยู่ในภาวะโคม่า บิลค่ารักษาพยาบาลกำลังเพิ่มขึ้น ครอบครัวของคุณจำเป็นต้องถอนเงินจากบัญชีธนาคารของคุณ หรือขายทรัพย์สินบางอย่างเพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษา แต่พวกเขาทำไม่ได้!
เพราะเมื่อคุณไร้ความสามารถ: (1) POA ทั่วไปที่คุณเคยทำไว้ก็ไร้ผล (2) ธนาคารจะอายัดบัญชีของคุณ (3) กรมที่ดินจะไม่ยอมให้ใครทำธุรกรรมแทนคุณ
ทางแก้เดียวที่เหลืออยู่คือ ครอบครัวคุณต้องไปยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อร้องขอให้คุณเป็น "คนไร้ความสามารถ" และแต่งตั้ง "ผู้อนุบาล" ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน (หลายเดือน), เสียค่าใช้จ่ายสูง, และสร้างความเจ็บปวดทางใจอย่างมาก
Durable POA คือทางออกเดียว ที่จะช่วยให้ครอบครัวของคุณ (Agent ที่คุณไว้ใจ) สามารถเข้าถึงและจัดการทรัพย์สินเพื่อดูแลคุณได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านศาล
เหมาะสำหรับ: ทุกคนที่ต้องการวางแผนอนาคต, ผู้สูงอายุที่กังวลเรื่องสมองเสื่อม, หรือใครก็ตามที่ต้องการลดภาระของครอบครัวในยามฉุกเฉิน
4. หนังสือมอบอำนาจแบบมีเงื่อนไข (Springing Power of Attorney)
Springing Power of Attorney คือ POA ประเภทพิเศษที่จะ "ยังไม่มีผลบังคับใช้" ในวันที่ลงนาม แต่จะ "เริ่มมีผล" (Spring into effect) ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ (Triggering Event) ที่ระบุไว้ล่วงหน้าเท่านั้น
นี่คือทางเลือกสำหรับคนที่ "ต้องการวางแผนล่วงหน้า แต่ยังไม่ต้องการให้ใครมีอำนาจในตอนนี้"
เงื่อนไข (Triggering Event) คืออะไร?
เงื่อนไขที่พบบ่อยที่สุดคือ "การไร้ความสามารถ" โดยใน POA จะระบุข้อความเช่น:
"หนังสือมอบอำนาจฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อ ข้าพเจ้าได้รับการวินิจฉัยเป็นลายลักษณ์อักษรจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยสอง (2) ท่าน ว่าข้าพเจ้าได้ตกอยู่ในภาวะไร้ความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง"
Durable POA vs. Springing POA ต่างกันอย่างไร?
- Durable POA: มีผล "ทันที" ที่คุณลงนาม และ "คงอยู่ต่อไป" เมื่อคุณไร้ความสามารถ (เหมาะสำหรับให้คู่สมรสที่ไว้ใจ)
- Springing POA: "ไม่มีผล" ในตอนนี้ และจะ "เริ่มมีผล" ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กำหนด (เหมาะสำหรับแต่งตั้งบุตร หรือทนายความ)
ข้อควรระวัง: การใช้ Springing POA อาจยุ่งยากในทางปฏิบัติ เพราะก่อนที่ธนาคารหรือกรมที่ดินจะยอมรับ POA นี้ พวกเขาต้องเห็น "หลักฐาน" (เช่น ใบรับรองแพทย์ 2 ฉบับ) ว่าเงื่อนไขได้เกิดขึ้นจริงแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าได้
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการแยกอำนาจการตัดสินใจไว้กับตนเองอย่างสมบูรณ์จนกว่าจะไม่สามารถทำได้จริงๆ
5. หนังสือมอบอำนาจด้านสุขภาพ (Medical Power of Attorney)
Medical Power of Attorney (หรือ Health Care Proxy, Advance Directive, Living Will) คือเอกสารที่แตกต่างจาก 4 ประเภทข้างต้นโดยสิ้นเชิง
POA 4 ประเภทแรก (General, Special, Durable, Springing) ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการ "ทรัพย์สินและการเงิน" (Financial Decisions) แต่ Medical POA ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการ "การตัดสินใจด้านสุขภาพ" (Healthcare Decisions) เท่านั้น
คุณไม่สามารถใช้ General POA เพื่อตัดสินใจเรื่องการรักษาพยาบาล และคุณไม่สามารถใช้ Medical POA เพื่อถอนเงินจากธนาคารได้
ขอบเขตอำนาจ:
ผู้รับมอบอำนาจ (Agent) ใน Medical POA จะมีอำนาจตัดสินใจแทนคุณ "เมื่อคุณไม่สามารถสื่อสารหรือตัดสินใจด้วยตนเองได้" ในเรื่องต่างๆ เช่น:
- การยินยอมให้ผ่าตัด หรือ ปฏิเสธการผ่าตัด
- การเลือกวิธีการรักษา
- การตัดสินใจเรื่องการใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือ การให้อาหารทางสายยาง
- การตัดสินใจยุติการรักษาที่เพียงเพื่อยื้อชีวิต (End-of-Life Decisions) ตามเจตจำนงที่คุณระบุไว้ (Living Will)
ข้อควรปฏิบัติ: คุณควรทำ Medical POA แยกต่างหากจาก Durable POA (ด้านการเงิน) เสมอ และผู้รับมอบอำนาจทั้งสองฉบับอาจเป็นคนเดียวกัน (เช่น คู่สมรส) หรือคนละคนก็ได้ (เช่น ให้คู่สมรสดูแลการเงิน และให้ลูกที่เป็นหมอดูแลเรื่องสุขภาพ)
เหมาะสำหรับ: ทุกคนที่บรรลุนิติภาวะ นี่คือส่วนสำคัญของการวางแผนการดูแลล่วงหน้า (Advance Care Planning)
ตารางเปรียบเทียบหนังสือมอบอำนาจ (POA) 5 ประเภท
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติที่สำคัญของ POA แต่ละประเภท:
| ประเภท (Type) | ขอบเขตอำนาจ (Scope) | เงื่อนไขการมีผล (Activation) | ผลกระทบเมื่อผู้มอบไร้ความสามารถ (Upon Incapacitation) |
|---|---|---|---|
| 1. ทั่วไป (General) | กว้างมาก (การเงิน/กฎหมายเกือบทุกอย่าง) | มีผลทันทีเมื่อลงนาม | สิ้นสุดลง/โมฆะ (ยกเว้นจะระบุว่า Durable) |
| 2. เฉพาะการ (Special) | จำกัด (เฉพาะเรื่องที่ระบุไว้เท่านั้น) | มีผลทันทีเมื่อลงนาม | สิ้นสุดลง/โมฆะ (ยกเว้นจะระบุว่า Durable) |
| 3. คงอยู่ (Durable) | กว้าง (General) หรือ จำกัด (Special) ก็ได้ | มีผลทันทีเมื่อลงนาม | ยังคงมีผลบังคับใช้ (นี่คือจุดประสงค์หลัก) |
| 4. แบบมีเงื่อนไข (Springing) | กว้าง (General) หรือ จำกัด (Special) ก็ได้ | ยังไม่มีผล (จะเริ่มมีผลเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ระบุไว้) | มีผลบังคับใช้ (เพราะถูกออกแบบมาเพื่อการนี้) |
| 5. ด้านสุขภาพ (Medical) | เฉพาะการตัดสินใจทางการแพทย์เท่านั้น | ยังไม่มีผล (จะเริ่มมีผลเมื่อผู้มอบอำนาจตัดสินใจเองไม่ได้) | มีผลบังคับใช้ (นี่คือจุดประสงค์หลัก) |
จะเลือกประเภทไหนดี? (กรณีศึกษาจริง)
การเลือก POA ที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในชีวิตของคุณ นี่คือตัวอย่างจริงที่ NYC Plus พบบ่อย:
กรณีศึกษาที่ 1: "นักธุรกิจที่ต้องเดินทาง" (The Expat)
สถานการณ์: คุณเดวิด เป็นชาวอเมริกัน ทำงานที่สิงคโปร์ เขาเป็นเจ้าของคอนโดในกรุงเทพฯ และต้องการขาย แต่ไม่สะดวกบินกลับมาดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน
ทางออกที่ถูกต้อง: หนังสือมอบอำนาจเฉพาะการ (Special POA)
คุณเดวิดต้องทำ POA ที่ระบุขอบเขตชัดเจนว่า "มอบอำนาจให้ [ชื่อตัวแทน] ดำเนินการขายและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม เลขที่โฉนด xxxxx และห้องชุดเลขที่ xxxxxx" เท่านั้น เขาไม่ควรใช้ General POA เพราะจะเสี่ยงเกินไป
กรณีศึกษาที่ 2: "การวางแผนดูแลผู้สูงอายุ" (The Parent)
สถานการณ์: คุณแม่ของคุณสุชาดา (อายุ 75 ปี) เริ่มมีอาการหลงลืม (Dementia) ในระยะเริ่มต้น ปัจจุบันยังตัดสินใจเองได้ แต่ในอนาคตอาจไม่สามารถจัดการบัญชีธนาคารหรือเบิกเงินบำนาญได้
ทางออกที่ถูกต้อง: หนังสือมอบอำนาจแบบคงอยู่ (Durable POA)
คุณแม่ "ต้อง" ทำ Durable POA ในขณะที่ท่าน "ยัง" มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน (Notary จะต้องประเมิน) เพื่อแต่งตั้งคุณสุชาดาเป็น Agent POA นี้จะมีผลทันทีและ "คงอยู่ต่อไป" ทำให้คุณสุชาดาสามารถจัดการการเงินแทนคุณแม่ได้แม้ในวันที่ท่านจำไม่ได้แล้ว (หากรอจนคุณแม่ไร้ความสามารถไปแล้ว จะไม่สามารถทำ POA ใดๆ ได้อีกเลย)
กรณีศึกษาที่ 3: "การวางแผนชีวิตล่วงหน้า" (The Planner)
สถานการณ์: คุณวิชัย (อายุ 45 ปี) สุขภาพแข็งแรงดี เขาต้องการวางแผนล่วงหน้าเผื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง แต่เขาก็ยังไม่ต้องการให้ภรรยาเข้ามาจัดการทรัพย์สินส่วนตัวของเขาใน "ตอนนี้" ที่เขายังแข็งแรงดี
ทางออกที่ถูกต้อง: ทำเอกสาร 2 ฉบับ
1. Springing Durable POA: ทำหนังสือมอบอำนาจด้านการเงิน โดยมีเงื่อนไขว่า "จะมีผลเมื่อแพทย์ 2 คนวินิจฉัยว่าเขาไร้ความสามารถ" มอบให้ภรรยา
2. Medical POA: ทำหนังสือมอบอำนาจด้านสุขภาพ ระบุเจตจำนงการรักษาล่วงหน้า (Living Will) และมอบให้ภรรยาเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจ
การเพิกถอนหนังสือมอบอำนาจ (Revocation of POA)
ตราบใดที่คุณยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน คุณมีสิทธิ์ที่จะ "เพิกถอน" หรือ "ยกเลิก" หนังสือมอบอำนาจที่คุณเคยทำไว้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่า POA นั้นจะเป็นแบบ Durable หรือไม่ก็ตาม
การเพิกถอน POA ไม่สามารถทำได้ด้วยการ "ฉีก" เอกสารฉบับเก่าทิ้ง หรือแค่ "โทรไปบอก" เพราะธนาคารหรือบุคคลที่สามอาจยังมีสำเนาเก่าอยู่และไม่ทราบเรื่องการยกเลิก คุณต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อให้การเพิกถอนมีผลสมบูรณ์:
ขั้นตอนการเพิกถอน POA ที่ถูกต้อง
-
ขั้นตอนที่ 1: ร่างเอกสารเพิกถอน (Notice of Revocation)
จัดทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรระบุชัดเจนว่า "ข้าพเจ้า [ชื่อผู้มอบอำนาจ] ขอยกเลิกเพิกถอนหนังสือมอบอำนาจฉบับวันที่ [xx] ที่ได้มอบให้ [ชื่อผู้รับมอบอำนาจ] เป็นตัวแทน" ต้องระบุรายละเอียดของ POA เดิมให้ชัดเจน
-
ขั้นตอนที่ 2: ลงนามต่อหน้า Notary Public
นำเอกสารเพิกถอน (Notice of Revocation) ไปลงนามต่อหน้า Notary Public เพื่อให้ Notary รับรองลายมือชื่อและยืนยันตัวตนของคุณ การรับรองนี้จะทำให้การเพิกถอนมีน้ำหนักทางกฎหมายและยากต่อการโต้แย้ง
-
ขั้นตอนที่ 3: แจ้งผู้รับมอบอำนาจ (Agent)
ส่งสำเนาเอกสารเพิกถอนที่รับรอง Notary แล้ว ไปยังผู้รับมอบอำนาจ (Agent) คนเดิม เพื่อแจ้งให้ทราบเป็นทางการว่าพวกเขาไม่มีอำนาจดำเนินการแทนคุณอีกต่อไป (ควรส่งแบบลงทะเบียนตอบรับเพื่อเก็บหลักฐาน)
-
ขั้นตอนที่ 4: แจ้งบุคคลภายนอก (Third Parties)
ส่งสำเนาเอกสารเพิกถอนไปยังสถาบันหรือบุคคลภายนอกที่เคยติดต่อกับ Agent ของคุณ เช่น ธนาคาร, กรมที่ดิน, โรงพยาบาล, หรือบริษัทประกัน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขายอมรับ POA ฉบับเก่าที่ถูกยกเลิกไปแล้ว
ข้อควรระวังสูงสุด: การร่าง POA ควรปรึกษาทนายความเสมอ
หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารที่ "ให้" อำนาจในการจัดการทรัพย์สินของคุณ การใช้แบบฟอร์มสำเร็จรูปที่ดาวน์โหลดฟรีทางอินเทอร์เน็ตมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะอาจมีข้อความที่ไม่รัดกุม, ไม่ครอบคลุม, หรือไม่ตรงตามข้อกำหนดของกฎหมาย (โดยเฉพาะ Durable POA) ซึ่งอาจทำให้เอกสารนั้น "ใช้การไม่ได้"
NYC Plus มีทีมทนายความที่สามารถให้คำปรึกษาและ "ร่าง" (Drafting) หนังสือมอบอำนาจที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสถานการณ์ของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าเอกสารนั้นรัดกุม, ปลอดภัย, และใช้งานได้จริง
เราสามารถรับรอง POA ได้ทุกประเภท
ไม่ว่าคุณจะร่าง POA มาเอง หรือให้ทีมทนายความของเราช่วยร่าง ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด (โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในต่างประเทศ) คือการ "รับรองลายมือชื่อโดย Notary Public"
บทบาทของทนายความ Notary Public ในการรับรอง POA คือ:
- ยืนยันตัวตนของผู้มอบอำนาจ (Identity Verification) ผ่านพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนตัวจริง
- ประเมินสภาวะจิตใจ (Assess Capacity) ณ ขณะลงนาม เพื่อยืนยันว่าผู้มอบอำนาจมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน (Sound Mind) และเข้าใจในสิ่งที่ตนกำลังลงนาม
- ยืนยันความสมัครใจ (Ensure Voluntariness) เพื่อพิสูจน์ว่าผู้มอบอำนาจไม่ได้ถูกข่มขู่หรือบังคับให้ลงนาม
- เป็นพยานและประทับตรา (Witness & Notarize) เพื่อให้เอกสารมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายในระดับสากล
เราสามารถรับรอง POA ได้ทุกประเภทที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมในไทยหรือเพื่อส่งไปใช้ในต่างประเทศ (พร้อมบริการรับรองกงสุลและสถานทูตต่อ)
คำถามที่พบบ่อยที่สุดเกี่ยวกับ POA
Durable POA กับ Springing POA ต่างกันอย่างไร?
Durable POA (หนังสือมอบอำนาจที่คงอยู่) จะมีผลบังคับใช้ 'ทันที' ที่ลงนาม และจะ 'คงอยู่ต่อไป' แม้ว่าผู้มอบอำนาจจะไร้ความสามารถในภายหลัง / ส่วน Springing POA (หนังสือมอบอำนาจแบบมีเงื่อนไข) จะ 'ยังไม่มีผล' ในวันที่ลงนาม แต่จะ 'เริ่มมีผล' (Spring into effect) ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ระบุไว้เท่านั้น (เช่น เมื่อแพทย์ 2 คนวินิจฉัยว่าไร้ความสามารถ)
Medical POA กับ Durable POA (ด้านการเงิน) ต่างกันอย่างไร?
Durable POA (แบบทั่วไป) มักใช้สำหรับ 'การตัดสินใจด้านทรัพย์สินและการเงิน' เช่น การขายบ้าน, การจัดการบัญชีธนาคาร / ส่วน Medical POA (หรือ Advance Directive) ใช้สำหรับ 'การตัดสินใจด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล' เท่านั้น เช่น การปฏิเสธการรักษา, การถอดเครื่องช่วยหายใจ จึงควรทำแยกกัน 2 ฉบับเสมอ
หนังสือมอบอำนาจ (POA) สิ้นสุดเมื่อใด?
POA จะสิ้นสุดลงเมื่อ: 1. ผู้มอบอำนาจ 'เสียชีวิต' (สิ้นสุดทันทีทุกกรณี) 2. ผู้มอบอำนาจ 'เพิกถอน' (Revoke) เป็นลายลักษณ์อักษร 3. ผู้รับมอบอำนาจ (Agent) ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ (เช่น เสียชีวิตหรือไร้ความสามารถ) 4. เงื่อนไขใน POA บรรลุผล (เช่น ใน Special POA ที่ระบุว่า 'เพื่อขายคอนโด' เมื่อขายเสร็จ POA ก็สิ้นสุด) 5. ผู้มอบอำนาจ 'ไร้ความสามารถ' (ยกเว้นกรณีเดียวคือ POA นั้นเป็นแบบ Durable)
การเพิกถอน (Revoke) หนังสือมอบอำนาจทำอย่างไร?
การเพิกถอน POA ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร (Notice of Revocation) และควรรับรอง Notary เพื่อให้มีผลสมบูรณ์ จากนั้นต้องแจ้งการเพิกถอนนี้ไปยัง 'ผู้รับมอบอำนาจ' (Agent) และ 'บุคคลภายนอก' ทั้งหมดที่อาจถือสำเนา POA นั้นอยู่ (เช่น ธนาคาร, กรมที่ดิน) เพื่อป้องกันไม่ให้ Agent นำ POA ที่ถูกยกเลิกไปใช้ทำธุรกรรมต่อ
Notary Public ทำหน้าที่อะไรในกระบวนการ POA?
Notary Public (ทนายความรับรองลายมือชื่อ) ทำหน้าที่เป็นพยานที่เป็นกลางตามกฎหมาย บทบาทที่สำคัญที่สุดคือการ 'ยืนยันตัวตน' ของผู้มอบอำนาจ (Principal) และ 'ประเมินความสามารถในการตัดสินใจ' (Capacity) ณ ขณะลงนาม เพื่อยืนยันว่าผู้มอบอำนาจลงนามด้วยตนเองจริง, มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน, และไม่ได้ถูกข่มขู่ การรับรอง Notary นี้จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ POA เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศและมีน้ำหนักทางกฎหมายสูงสุดในชั้นศาล
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการรับรองลายมือชื่อของเราได้ที่หน้า: บริการ Notary Public รับรองเอกสาร
ปรึกษาการร่างและรับรอง POA กับเรา
อย่ารอจนสายเกินไป การวางแผนล่วงหน้าที่ดีที่สุดคือการทำในขณะที่คุณยังแข็งแรง
ติดต่อทีมทนายความ Notary ของ NYC Plus เพื่อรับคำปรึกษาว่า POA แบบใดที่เหมาะกับคุณ
Call Center: 081-5620444, 083-2494999
Email: [email protected] | Line ID: @NYCLI
นัดหมายปรึกษาออนไลน์